วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

ไปรษณีย์ไทยพร้อมปล่อยเงินกู้เม.ย.นี้ หวังรายได้เพย์แอดโพสต์200ล้าน

ปณท เดินหน้าปั๊มรายได้เพย์แอดโพสต์ให้ 200 ล้านบาทในปีนี้ ล่าสุดจับมือมหาวิทยาลัยรามคำแหงให้นักศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจ ชำระค่าธรรมเนียมการศึกษาผ่านบริการเพย์แอดโพสต์ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.54 ส่วนบริษัทปล่อยสินเชื่อคาดปล่อยสินเชื่อได้ในเดือนเม.ย.นี้

นางสาวอานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือปณท กล่าวว่า ปี 2554 ปณท ตั้งเป้ารายได้จากบริการเพย์แอดโพสต์ไว้ประมาณ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้จากบริการดังกล่าว 160 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 175 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าให้บริการดังกล่าวอย่างเต็มที่ แม้จะมีการแข่งขันจุดบริการรับชำระเงินเป็นจำนวนมาก

แผนการให้บริการในปีนี้จะยังคงเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรเป็นหลัก ล่าสุด ทางปณท ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยรามคำแหงนำร่องให้นักศึกษาระดับปริญญาโทหลักสูตรบริหารธุรกิจกว่า 2,000 คน สามารถชำระค่าธรรมเนียมการศึกษาผ่านบริการเพย์แอดโพสต์ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคมที่จะถึงนี้เป็นต้นไป

ขณะที่นักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจสามารถทำรายการผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง www.ru.ac.th และพิมพ์ใบชำระเงินไปยื่นได้ที่ไปรษณีย์ทุกแห่ง โดยมีค่าธรรมเนียม 10 บาทต่อรายการ

นอกจากพันธมิตรของปณท ซึ่งขณะนี้มีกว่า 200 รายแล้ว บริการดังกล่าวยังมีจุดแข็งที่สามารถแข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นได้ คือความมั่นใจในการเข้าใช้บริการ ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายในการรักษาตลาดและรักษาระดับรายได้เอาไว้

นางสาวอานุสรายังได้กล่าวถึงความคืบหน้าบริษัท สินเชื่อไปรษณีย์ไทยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล คาดว่าปลายเมษายนที่จะถึงนี้จะสามารถเปิดให้บริการสินเชื่อไปรษณีย์ได้ใน 3 สาขา ของปณท คือ ที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ และอำเภอละงู จังหวัดสตูล ก่อนขยายการให้บริการให้ครอบคลุมมากขึ้น

บริการสินเชื่อจะเปิดให้มีการกู้เงินตั้งแต่ 5,000-10,000 บาทต่อรายโดยจะต้องมีผู้คำประกัน 3-5 รายเพื่อเป็นการยืนยันตัวบุคคล อย่างไรก็ดี หากผู้กู้มีการชำระสินเชื่อตามกรอบระยะเวลาก็จะมีการลดดอกเบี้ยให้

จากผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท สินเชื่อไปรษณีย์ไทย ครั้งที่ 1 ในระยะแรกจะมีการเปิดให้บริการ ณ ที่ทำการไปรษณีย์นำร่อง จำนวน 10 สาขาทั่วประเทศ คือ 1.สาขา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ 2.สาขา อ.นครไทย จ.พิษณุโลก 3.สาขา อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ 4.สาขา อ.เมือง จ.อุดรธานี 5.สาขา อ.แสวงหา จ.อ่างทอง 6.สาขา อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว 7.สาขา อ.บ้านตาก จ.ตาก 8.สาขา อ.ปะนาแระ จ.ปัตตานี 9.สาขา อ.ละงู จ.สตูล 10.สาขาเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ

ทั้ง 10 สาขาที่เปิดให้บริการ ถือเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลหรือมีประชาชนที่อยู่ในฐานะยากจน และด้อยโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทได้กำหนดที่จะปล่อยกู้ประมาณ 1,000- 2,000 ราย แบ่งเป็นสาขาละ 100- 200 คน และให้วงเงินกู้ได้ไม่เกินรายละ 10,000 บาทสำหรับประชาชนที่สนใจใช้บริการกู้เงินสามารถลงทะเบียนยื่นใบคำขอสินเชื่อได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ซึ่งจะเปิดรับสมัครเป็นช่วงๆ ประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 มีนาคม 2554 12:45 น.

"เฟซบุ๊ก"ขุมทองใหม่ค่ายหนัง

ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ธุรกิจให้เช่าภาพยนตร์เริ่มปัดหางเสือเข้าสู่มหาสมุทรเครือข่ายสังคมที่กำลังคึกคักสุดขีดในนาทีนี้ ล่าสุด สตูดิโอผู้สร้างภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่จากฮอลลีวูดประกาศเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ที่เปิดทางให้ผู้ใช้เช่าภาพยนตร์และชมได้โดยตรงบนเฟซบุ๊ก ประเดิมภาพยนตร์เรื่องแรกคือ The Dark Knight สนนราคาค่าเช่า 3 เหรียญสหรัฐต่อการชม 48 ชั่วโมง มองเฟซบุ๊กเป็นขุมทองบ่อใหม่ซึ่งมีตัวเลขผู้ใช้การันตีมากกว่า 600 ล้านคนทั่วโลก

Thomas Gewecke ประธานฝ่ายธุรกิจดิจิตอลของวอร์เนอร์บราเดอร์ส์ (Warner Bros.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการให้เช่าภาพยนตร์บนเฟสบุ๊กว่า เป็นการบุกเบิกช่องทางใหม่ในการเผยแพร่ภาพยนตร์ หลังจากที่ค่ายภาพยนตร์มักใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์มาตลอด จึงตัดสินใจทดลองบทบาทใหม่โดยเปิดให้ชาวเครือข่ายสังคมมีโอกาสได้เช่าภาพยนตร์ The Dark Knight ซึ่งหากการทดลองที่ได้ประสบความสำเร็จ ก็จะไม่ได้ส่งผลดีต่อธุรกิจภาพยนตร์เท่านั้น แต่จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าเครือข่ายสังคมคือสื่อใหม่หรือนิวมีเดียที่ส่งอิทธิพลในวงกว้างกว่าเดิม

Gewecke ให้ข้อมูลว่าเหตุที่วอร์เนอร์เลือก The Dark Knight เพราะภาพยนตร์มนุษย์ค้างคาวภาค 2 ผลงานกำกับของคริสโตเฟอร์ โนแลนนี้คือ 1 ในภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของวอร์เนอร์ ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ชื่นชอบหรือแฟนคลับมากกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กในสหรัฐฯสามารถเช่าภาพยนตร์ไปชมได้บนเฟซบุ๊กนาน 2 วัน (48 ชั่วโมง) ในราคา 3 เหรียญ (ราว 90 บาท) เริ่มต้นให้เช่าวันแรกเมื่อวันอังคารที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา

ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหม่เพราะแม้ธุรกิจเช่าวิดีโอออนไลน์จะแจ้งเกิดตั้งแต่เมื่อ 10 ปีมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีค่ายภาพยนตร์ใดที่เปิดให้คอหนังสามารถชมภาพยนตร์ได้บนเว็บไซต์เครือข่ายสังคมโดยตรง แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้อุดมไปด้วยเสียงเชียร์ เนื่องจากทุกฝ่ายมองเห็นโอกาสงามที่รออยู่จากการควบรวมภาพยนตร์ลงในเว็บไซต์ซึ่งผู้ใช้สามารถแนะนำและบอกต่อกันได้อย่างเสรี ทำให้หลายเสียงเชื่อว่าเครือข่ายสังคมอาจเป็นช่องทางสำคัญที่จะช่วยกู้วิกฤติรายได้หายหดของค่ายภาพยนตร์ในยุคที่แผ่นดีวีดีไม่สามารถจำหน่ายได้ดีเท่าที่ควร

ทั้งหมดนี้เป็นไปตามนโยบายของซีอีโอเฟซบุ๊ก "มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก" ซึ่งประกาศแนวทาง"ทำทุกอย่างให้เป็นสังคม" ด้วยการผนึกกิจกรรมนานาชนิดลงในเฟซบุ๊กทั้งการรับส่งอีเมล การแบ่งปันภาพถ่าย การเล่นเกม และการชมวิดีโอ การเปิดให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กได้ชมภาพยนตร์จึงเป็นอีกกิจกรรมที่เชื่อว่าจะเข้าถึงสังคมคอหนังบนโลกออนไลน์ได้โดยตรง

ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวนี้ยังเป็นไปตามเจตนารมณ์ของค่ายภาพยนตร์จำนวนไม่น้อยที่แสดงจุดยืนว่าต้องการหาช่องทางให้เช่าภาพยนตร์ออนไลน์ที่นอกเหนือจากเจ้าตลาดเดิมอย่างไอจูนส์ (iTunes) และอเมซอนดอทคอม (Amazon.com) โดยเฟซบุ๊กถือเป็นทางออกที่มีเหตุมีผลเพราะเป็นเครือข่ายสังคมที่มีความยิ่งใหญ่พอจะต่อกรกับเจ้าตลาดเดิม บนสถิติการเป็นเว็บไซต์ที่ถูกเปิดชมบ่อยที่สุดอันดับ 2 ของสหรัฐฯ

ครั้งนี้วอร์เนอร์ตกลงใช้รูปแบบการจ่ายเงินในบริการเช่าภาพยนตร์บนเฟซบุ๊กคือระบบเฟซบุ๊กเครดิต (Facebook credits) ซึ่งเฟซบุ๊กจะได้รับส่วนแบ่ง 30% จากยอดรายรับทั้งหมด โดย Gewecke ย้ำว่าบริษัทจะเพิ่มภาพยนตร์และเพิ่มความสามารถให้ผู้ชมได้ซื้อและดาวน์โหลดภาพยนตร์เพื่อชมได้นานกว่า 48 ชั่วโมง

ข้อมูลจากบริษัทวิจัย IHS Screen Digest ระบุว่ายอดการเช่าภาพยนตร์ออนไลน์ในสหรัฐฯนั้นมีมูลค่าราว 385 ล้านเหรียญช่วงปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากปี 2009 ราว 38% ท่ามกลางยอดการซื้อภาพยนตร์ดีวีดีและบลูเรย์ดิสก์มูลค่า 16,300 ล้านเหรียญ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนลดลงราว 6% โดยสถิติการชมวิดีโอบนเฟซบุ๊กทั้งรายการทีวีและวิดีโอทั่วไปนั้นมีจำนวนสูงถึง 42 ล้านครั้งในเวลาเพียง 1 เดือน (เดือนมกราคมที่ผ่านมา) ซึ่งเป็นตัวเลขสวยงามที่แสดงถึงโอกาสทองของวงการภาพยนตร์ในอนาคต

การเปิดตัวของวอร์เนอร์ทำให้บริการเช่าภาพยนตร์ออนไลน์รายใหญ่ในสหรัฐฯอย่าง Netflix มีมูลค่าหุ้นลดลงถึง 6% แม้ที่ผ่านมาจะสามารถทำยอดสมาชิกได้ถึง 20 ล้านคน บนรายการภาพยนตร์และรายการทีวีที่มีให้ดาวน์โหลดหลายแสนรายการ

Company Related Link :
Facebook

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มีนาคม 2554 10:45 น.

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

เลอโนโวแจ้งเกิด"โน้ตบุ๊กควบคุมด้วยตา"

ดูเหมือนว่าการพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถควบคุมการทำงานด้วยการสัมผัสและการเคลื่อนไหว แทนการใช้เมาส์และคีย์บอร์ดนั้นจะเริ่มล้าสมัยไปแล้ว เพราะบริษัทสัญชาติสวีเดนกำลังพัฒนาส่วนติดต่อผู้ใช้งานหรือคอมพิวเตอร์อินเทอร์เฟสที่สามารถควบคุมได้ด้วยการเคลื่อนไหวของดวงตา ตั้งป้อมพัฒนาร่วมกับยักษ์ใหญ่โลกคอมพิวเตอร์พีซีอย่างเลอโนโว เพื่อแจ้งเกิดคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกของโลกที่สามารถใช้ดวงตาของ"คนตาดี"ควบคุมได้ และไม่ใช่การหวังเติบโตในเวทีผู้พิการอย่างที่เป็นในหลายงานวิจัย

บริษัทสวีเดนซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีระบบติดตามและสั่งการด้วยดวงตานี้มีชื่อว่าโทบี (Tobii) ขณะนี้เป็นพันธมิตรกับบริษัทเลอโนโว (Lenovo) ในการสร้างคอมพิวเตอร์รุ่นต้นแบบที่สามารถตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของดวงตาได้เหมือนการตอบสนองต่อการคลิกเมาส์ด้วยมือแบบปกติ โดยมีการยกตัวอย่างการใช้งานน่าประทับใจว่า เครื่องรุ่นต้นแบบจะมาพร้อมไอคอน (icon) พิเศษที่สามารถแสดงข้อมูลรายละเอียดไฟล์ได้ทันทีหากผู้ใช้ตั้งใจมอง รวมถึงแอปพลิเคชันแผนที่หรือภาพที่สามารถปรับเลื่อนภาพไปแสดงจุดกึ่งกลางพอดีหากระบบพบว่าผู้ใช้จับตามองอยู่

บาร์บารา บาร์เคลย์ ผู้จัดการทั่วไปของโทบีภูมิภาคอเมริกาเหนือ ให้ความเห็นกับสื่อต่างประเทศว่า เทคโนโลยีของโทบีจะช่วยให้ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์พกพาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผู้บริหารของโทบีมองว่าผู้บริโภคจะได้รับความสะดวกสบายมากหากเพียงมองหน้าจอส่วนที่ต้องการเลื่อนเมาส์ไป แล้วตัวกะพริบหรือเคอร์เซอร์ (cursor) ก็สามารถปรากฏในบริเวณนั้นได้ทันที

บาร์เคลย์ระบุว่าระบบของโทบีจะไม่ได้ทำให้ไอคอนทั้งหมดถูกเลือกคลิกเพียงเพราะผู้ใช้มองจ้องนานเกิน 2 วินาที แต่จะเปิดทางให้ผู้ใช้มีวิธีการเลือกที่สะดวกกว่าเดิม โดยโทบีมองว่าการมองเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่เร็วที่สุดที่มนุษย์ทำได้ จึงเลือกใช้ประโยชน์จากการมองในการพัฒนาหนทางที่ดีกว่าดังกล่าว

ความสะดวกสบายในการใช้งานคอมพิวเตอร์ถือเป็นส่วนหนึ่งของประโยชน์จากระบบติดตามการเคลื่อนไหวดวงตาที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนในขณะนี้ โดยที่ผ่านมา ระบบติดตามการเคลื่อนไหวดวงตาถูกมองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อระบบหน้าจอสามมิติในอนาคต เพราะหากผู้ผลิตพัฒนาให้หน้าจอสามมิติสามารถเรนเดอร์หรือประมวลผลภาพสามมิติตามการเคลื่อนไหวของดวงตาได้ ก็จะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องสวมแว่นตาพิเศษใดๆ ขณะเดียวกัน ระบบติดตามการเคลื่อนไหวดวงตายังสามารถเป็นประโยชน์ต่อวงการรถยนต์อัจฉริยะ เพราะสามารถแจ้งเตือนให้ผู้ใช้เพิ่มความระมัดระวังหากระบบพบว่าผู้ขับขี่เริ่มไม่มีสมาธิกับการขับรถ

อย่างไรก็ตาม โทบียืนยันว่าไม่ได้หวังให้ระบบติดตามความเคลื่อนไหวดวงตาในคอมพิวเตอร์พกพาของบริษัท มาแทนที่การควบคุมดั้งเดิมของคอมพิวเตอร์ แต่จะเป็นส่วนเสริมที่ทำให้การใช้งานเป็นไปได้โดยสะดวกกว่าเดิม โดยบอกว่าระบบของโทบีสามารถรองรับการใช้งานบางอย่างได้ดีหากถูกประสานเข้ากับรูปแบบการควบคุมเครื่องดั้งเดิม

ผู้บริหารโทบียกตัวอย่างด้วยว่า ระบบของบริษัทสามารถทำให้การสกรอล (การเลื่อนดูหน้าจอขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว) สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้นิ้วมือเลื่อนลูกกลิ้งบนเมาส์คอมพิวเตอร์ รวมถึงการปิดคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในโหมดพักชั่วคราว (sleep mode) โดยไม่ต้องเอื้อมมือไปหยิบเมาส์คอมพิวเตอร์ แต่ใช้การมองในหลากหลายรูปแบบ เช่นการขยิบตาข้างเดียวในจังหวะที่ต่างกัน ก็ทำให้ระบบสามารถรับรู้คำสั่งที่ต่างกันได้

บาร์เคลย์ยอมรับว่าบริษัทยังรอกำลังเสริมจากนักลงทุนและนักพัฒนาจำนวนมากเพื่อร่วมกันสร้างความสามารถใหม่บนระบบของโทบีในอนาคต โดยขณะนี้โทบีได้เผยแพร่ชุดเครื่องมือพัฒนาโปรแกรมหรือ SDK เพื่อให้นักพัฒนารายอื่นนำไปร่วมกันพัฒนาต่อยอดแล้ว ซึ่งคาดว่าโลกจะได้เห็นความสามารถใหม่จากระบบติดตามความเคลื่อนไหวดวงตาบนคอมพิวเตอร์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

"นี่คือการเริ่มต้นเท่านั้น ลองนึกภาพดูว่าหากคุณกำลังดูภาพสิ่งของชิ้นหนึ่งบนหน้าจอ 3 มิติ ทันทีที่คุณยกศีรษะหรือส่ายหน้าจากซ้ายไปขวา จะดีเพียงไรหากภาพสิ่งของ 3 มิตินั้นสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามองศาการมอง"

รายงานระบุว่าขณะนี้ เลอโนโวและโทบีเริ่มพัฒนาต้นแบบคอมพิวเตอร์พกพาที่สามารถควบคุมด้วยดวงตาแล้วราว 20 เครื่อง บนจุดประสงค์เพื่อสาธิตและทดลองการใช้งาน โดยอุปสรรคที่พบในขณะนี้คืออุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหวหรือเซ็นเซอร์จำนวนมากในระบบทำให้คอมพิวเตอร์พกพามีความหนาตัวเครื่องมากขึ้น ทำให้บริษัทเชื่อว่ายังต้องใช้เวลาอีก 1-2 ปี และความร่วมมือกับพันธมิตรที่มากขึ้น จึงจะสามารถวางตลาดคอมพ์พกพาอัจฉริยะนี้ได้

Company Relate Link :
Lenovo


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มีนาคม 2554 12:20 น.

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

พบ 2 โปรแกรมสอดแนมใหม่บนมือถือแอนดรอยด์

บริษัท NetQin Mobile ออกแถลงการณ์พบ 2 โปรแกรมสอดแนมหรือสปายแวร์ตัวใหม่บนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (Android) สปายแวร์ทั้ง 2 มาในชื่อ "SW.SecurePhone" และ "SW.Qieting" มีผลให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงถูกโจรกรรมและดัดแปลง ซึ่งอาจนำไปสู่ผลร้ายยิ่งขึ้นในอนาคต

รายงานระบุว่า SW.SecurePhone คือแอปพลิเคชันที่ไม่มีสัญลักษณ์หรือไอคอนใดๆ และทำงานต่อเนื่องอยู่ในส่วนฉากหลังหรือ background การศึกษาพบว่าสปายแวร์ตัวนี้จะดักจับข้อมูลจากกล่องข้อความสั้นหรือ text messages ประวัติการโทรฯหรือ call log รวมถึงภาพถ่ายนานาชนิด แล้วส่งขึ้นไปบนเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล ที่สำคัญ SW.SecurePhone ยังสามารถรู้ตำแหน่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบันทึกเสียงรอบอุปกรณ์โดยอัตโนมัติได้

ขณะที่ SW.Qieting รายงานระบุว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่สามารถส่งต่อหรือฟอร์เวิร์ดข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจจับอยู่

รายงานย้ำว่าทั้ง 2 สปายแวร์นี้เริ่มแพร่กระจายเป็นวงกว้างในสหรัฐฯผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยความน่าเป็นห่วงนั้นอยู่ที่การไม่มีไอคอนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยึดเป็นหลักยืนยันการมีอยู่ของแอปพลิเคชัน เมื่อทั้ง 2 สปายแวร์ไม่มีไอคอนแสดงไว้ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่มีโอกาสรู้ว่าเครื่องที่ตัวเองกำลังใช้มีสปายแวร์นี้แฝงอยู่หรือไม่

รายงานไม่ระบุวิธีการแพร่กระจายของสปายแวร์ทั้ง 2 ตัวนี้ แต่อ้างถึงคำแนะนำ 4 ข้อจากบริษัท NetQin ที่ให้ความรู้ผู้บริโภคถึงวิธีการป้องกันเบื้องต้นเพื่อไม่ให้โทรศัพท์มือถือของตัวเองถูกติดตั้งสปายแวร์แฝงไว้ภายใน ได้แก่ 1 ควรดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยควรตรวจสอบบทความทดลองใช้งาน (review) คะแนนที่ได้ (rating) และข้อมูลนักพัฒนา ก่อนจะลงมือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดๆ

2 ควรศึกษารายละเอียดการขออนุญาตในแอปพลิเคชันให้ดี โดยเลือกดาวน์โหลดเฉพาะแอปพลิเคชันที่ไม่ร้องขอสิ่งที่นอกเหนือจากบริการที่ให้ 3 ควรติดตามและระวังค่าบริการที่ผิดปกติในบิลโทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณที่ชี้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้อาจติดเชื้อสปายแวร์ตัวร้ายเรียบร้อยแล้ว และ 4 คือการติดตั้งแอปพลิเคชันรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องโทรศัพท์ตลอดเวลา

การพบโปรแกรมสอดแนมใหม่บนโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์เพิ่มขึ้นถือเป็นเรื่องที่หลายคนคาดหมายไว้แล้ว เนื่องจากความแพร่หลายของแอนดรอยด์ทำให้ผู้ประสงค์ร้ายพุ่งเป้าแอนดรอยด์ในฐานะเค้กก้อนโต ซึ่งคุ้มค่าแก่การลงทุนสร้างโปรแกรมร้ายขึ้นมาโจมตีกลุ่มคนวงกว้าง

Company Related Link :
NetQin

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 มีนาคม 2554 15:59 น.

เพนท์เฮ้าส์ปลุกใจเสือป่า เปิดสถานีโป้ 3 มิติ

เพนท์เฮ้าส์ (Penthouse) บริษัทผู้ผลิตนิตยสารสำหรับผู้ชายชั้นนำประกาศเปิดช่องสัญญาณโทรทัศน์ "PENTHOUSE 3D" ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของวงการโทรทัศน์ที่มีการเผยแพร่รายการวาวหวิวในรูปแบบ 3 มิติ

มาร์ค เบลล์ ซีอีโอบริษัท เฟรนด์ไฟเดอร์ เน็กเวิร์ก บริษัทต้นสังกัดของเพนท์เฮ้า มีเดีย กรุ๊ป กล่าวว่า เราต้องการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการผลิตสื่อสำหรับผู้ชาย ซึ่งในปัจจับันการแสดงผลภาพในรูปแบบ 3 มิติถือเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยเราได้มีการถ่ายทำเนื้อหาไว้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา และได้มีการพัฒนาคอนแทนต์รูปแบบ 3 มิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำแบบใคร

PENTHOUSE 3D เป็นรายการทีวีสำหรับผู้ใหญ่ที่นำเสนอภาพในรูปแบบ 3 มิติ โดยข้อมูลที่นำมาใช้ในการนำเสนอจะมีทั้งแบบซอฟต์คอร์ และฮาร์ดคอร์ (ในเชิงโป๊เปลือย) ออกอากาศทุกวัน ในช่วงเวลา 23.00-5.00น.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 มีนาคม 2554 14:48 น.

กูเกิลจัดระเบียบเสิร์ช พลิกฟ้าโลกออนไลน์

การศึกษาล่าสุดในธุรกิจค้นหาข้อมูลออนไลน์หรือเสิร์ชเอนจิน พบการจัดระเบียบเสิร์ชเอนจินของกูเกิล (Google) ให้มีคุณภาพดีขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สร้างผลกระทบเปลี่ยนแปลงโลกออนไลน์ครั้งใหญ่ ที่เห็นชัดเจนในขณะนี้คือเว็บไซต์ใหญ่หลายแห่งที่ติดอันดับผลการค้นหาหน้าแรกกลับถูกลดอันดับลง ขณะที่เว็บไซต์เครือข่ายสังคม ร้านค้าปลีก และข่าว กลับมีผลการค้นหาที่ดีขึ้น นักวิเคราะห์มั่นใจทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านผลประโยชน์ในธุรกิจโฆษณาออนไลน์มูลค่าหลายล้านเหรียญในอนาคต

กูเกิล ยักษ์ใหญ่เสิร์ชเอนจินอเมริกันออกแถลงการณ์แจ้งปรับเปลี่ยนระบบการจัดดัชนีค้นหาข้อมูลหรืออัลกอริทึมในเว็บไซต์กูเกิลดอทคอมเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จุดประสงค์หลักคือการพัฒนาให้ผลการค้นหาข้อมูลบนกูเกิลมีคุณภาพมากขึ้น ด้วยการตัดทางโตเว็บไซต์ที่มีเนื้อหา "คุณภาพต่ำ" เพราะเว็บไซต์เหล่านี้มักมีเนื้อหาเพียงแค่ให้ระบบของกูเกิลเสิร์ชพบแล้วล่อลวงให้ผู้ใช้กูเกิลเปิดหน้าเว็บที่มีแต่โฆษณา เบื้องต้นกูเกิลคาดว่าการปรับอัลกอริทึมครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงผลการค้นหาราว 12% ของการค้นหาบนกูเกิลในสหรัฐฯ ก่อนที่กูเกิลจะขยายไปกูเกิลภูมิภาคอื่นต่อไป

อามิต สิงหัล และแม็ตต์ คัตส์ ส่วนหนึ่งของทีมวิศวกรกูเกิลยอมรับในบล็อกของบริษัทว่าการปรับระบบครั้งนี้จะทำให้หลายเว็บไซต์ได้รับอันดับที่สูงขึ้นในหน้าผลการค้นหาของกูเกิล สวนทางกับหลายเว็บไซต์ที่จะได้รับอันดับที่ต่ำลง โดยให้ข้อมูลว่าระบบอัลกอริทึมใหม่ของกูเกิลจะให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่เป็นเจ้าของเนื้อหาดั้งเดิม เช่น เว็บไซต์ที่เป็นเจ้าของงานวิจัย รายงาน และการวิเคราะห์อื่นๆ เหล่านี้จะมีอันดับผลการค้นหาที่ดีขึ้น

ล่าสุด ประชาสัมพันธ์กูเกิลระบุว่าได้รับเสียงตอบรับจากผู้ใช้ในทางที่ดี โดยเป็นการวัดผลจากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคซึ่งกูเกิลระบุว่ามีทีมงานนอกกูเกิลหลายร้อยรายที่คอยตรวจตราพฤติกรรมผิดสังเกตของผู้ใช้ เช่น การกดปุ่มย้อนหลังหรือ back อย่างเร็วหลังจากได้เห็นหน้าผลการเคลื่อนไหว ซึ่งแปลได้ว่าผู้บริโภคไม่พอใจกับผลการค้นหาที่ได้รับ

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้รับความเห็นชอบจากบางเว็บไซต์ เนื่องจากที่ผ่านมา หลายเว็บไซต์ดิ้นรนปรับแต่งเว็บไซต์ของตัวเองเพื่อให้ติด 1 ใน 5 อันดับผลการค้นหาของกูเกิล เพราะชาวออนไลน์ส่วนใหญ่มักจะเชื่อถือลิงก์ที่ปรากฏในอันดับต้นๆของหน้าเสิร์ช ความเป็นตายร้ายดีของเว็บไซต์หลายแห่งเหล่านี้จึงขึ้นอยู่กับอันดับ ซึ่งมีผลต่อปริมาณการกดลิงก์จากหน้าผลการค้นหาของกูเกิล การลดอันดับในหน้าผลการค้นหาจึงอาจทำให้เว็บไซต์เหล่านี้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะรายได้จากการโฆษณาออนไลน์ที่อาจตกลง

บริษัทวิจัย Sistrix GmbH ในเยอรมนีคือบริษัทล่าสุดที่พยายามศึกษาว่าเว็บไซต์ใดที่มีอันดับการค้นหาที่ดีขึ้นและเว็บไซต์ใดได้รับอันดับการค้นหาที่ลดลง จึงทดลองค้นหาข้อมูลมากกว่า 1 ล้านครั้งโดยใช้คำค้นหาพื้นฐานเช่น "credit" เพื่อค้นหาบริการสินเชื่อการเงิน และ "real estate" เพื่อค้นหาข้อมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏว่าเจ้าของเว็บไซต์หลายรายที่ถูกอ้างถึงในผลการศึกษายอมรับว่า การที่เว็บไซต์ของตัวเองถูกปรับลดอันดับนั้นสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

เดนิส กรอสซ์ ประธานบริษัท Conjecture Corp. ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เว็บไซต์ WiseGeek.com ให้ความเห็นว่าการที่บทความใน WiseGeek ถูกลดอันดับในหน้าผลการเสิร์ชของกูเกิล (จาก 2 ไปเป็น 5) นั้นเป็นความไม่ยุติธรรม ทำให้เสียเปรียบคู่แข่งที่มีเนื้อหาบทความคุณภาพต่ำกว่า โดยบอกว่าแม้บริษัทจะรู้ว่าเว็บไซต์ของตัวเองไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีความมั่นใจว่าเนื้อหาบทความของบริษัทมีคุณภาพ

กรอสซ์ย้ำว่าที่ผ่านมา WiseGeek ชำระค่าจ้างนักเขียนมากกว่า 10 เหรียญต่อบทความ และจะไม่อนุมัติให้เผยแพร่บทความหากบทความนั้นไม่ได้มาตรฐาน โดยขณะนี้ WiseGeek มีบทความมากกว่า 124,000 ชิ้น

เจ้าของเว็บไซต์ WiseGeek.com จึงเรียกร้องให้กูเกิลระบุแนวทางที่ชัดเจน เพื่อให้เว็บไซต์ได้ปรับตัวและเพิ่มคุณภาพเนื้อหา ซึ่ง WiseGeek ก็จะปรับตัวเพื่อให้มีอันดับการค้นหาข้อมูลที่ดีเช่นเดิม เรื่องนี้ประชาสัมพันธ์กูเกิลยืนยันว่า เจ้าของเว็บไซต์สามารถติดต่อเพื่อรับคำชี้แจงจากกูเกิลได้โดยตรงหลายช่องทาง หนึ่งในนั้นคือการติดต่อผ่านเว็บไซต์ webmaster central ของกูเกิล

อีกเว็บไซต์ที่การสำรวจของ Sistrix พบว่าถูกลดอันดับจากอัลกอริทึมใหม่ของกูเกิลคือ TheFind.com เว็บไซต์ให้บริการแนะนำการซื้อสินค้าออนไลน์ และ Associated Content เว็บไซต์ให้บริการข้อเขียนหลากหลายที่ยาฮูเพิ่งประกาศซื้อไปเมื่อปีที่ผ่านมา

สำหรับเว็บไซต์ที่ Sistrix พบว่ามีอันดับการค้นหาที่ดีขึ้นคือเว็บเพจจากเครือข่ายสังคมเช่น LinkedIn.com และ Facebook.com ยังมีเว็บไซต์ข่าวทั้งของสำนักข่าวไทม์ (Time) ฟ็อกซ์นิวส์ (Fox News) และนิวยอร์กเดลีนิวส์ (New York Daily News) รวมถึงเว็บไซต์ร้านค้าปลีกอย่างวอลมาร์ท (Wal-Mart) ทาร์เก็ต (Target) และอีเบย์ (eBay) และเว็บไซต์วิดีโอออนไลน์ของกูเกิลเองอย่างยูทิวบ์ (YouTube) ก็ได้รับการเพิ่มอันดับเช่นกัน

จอห์น แคนทาเรลลา (John Cantarella) ประธานฝ่ายข่าวดิจิตอลของไทม์ให้ความเห็นว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะส่งผลดีต่อบริษัท โดยบริษัทยินดีที่การเปลี่ยนแปลงนี้จะนำไปสู่การอ้างอิงที่มาของรายงานข่าวคุณภาพที่ต้นฉบับ

ยังไม่มีรายงานความเห็นจากประชาสัมพันธ์อีเบย์และผู้บริหารเว็บไซต์ที่มีอันดับการค้นหาข้อมูลที่ดีขึ้นเพิ่มเติม คาดว่าภายในปีนี้จะมีการวิเคราะห์ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของกุเกิลในวงการโฆษณาออนไลน์อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต

Company Related Link :
Google

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 มีนาคม 2554 10:00 น.