วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ฟอร์ดจับมือกูเกิลผุดรถอัจฉริยะ

หลังจากเป็นพันธมิตรยาวนานกับไมโครซอฟท์ ล่าสุดฟอร์ด (Ford) ประกาศอย่างเป็นทางการว่ากำลังอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับกูเกิลในการสร้างรถยนต์อัจฉริยะที่สามารถประหยัดพลังงานได้ดีกว่าเดิม โดยระบบจะสามารถทำนายพฤติกรรมผู้ขับขี่และปรับเปลี่ยนการตั้งค่าในรถให้เหมาะสมอย่างอัตโนมัติ

เป้าหมายของความร่วมมือครั้งนี้คือการใช้ระบบเก็บข้อมูลและประมวลผลเทคโนโลยีคลาวด์ (cloud) ในการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมในอดีตของผู้ขับขี่แล้วประเมินเพื่อพยากรณ์พฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับที่กำลังจะเกิดขึ้น แล้วจึงบริหารจัดการส่วนประกอบในรถผ่านระบบไร้สายให้สอดคล้องกัน เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือเทคโนโลยี Google Prediction API ที่ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่แล้วโดยหน่วยวิจัย Google Labs

นี่ถือเป็นอีกหนึ่งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Google Prediction API เนื่องจากที่ผ่านมา กูเกิลประชาสัมพันธ์มาตลอดว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำให้เว็บไซต์สามารถแนะนำสินค้าแก่ผู้ชมได้โดยพยากรณ์จากประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ต รวมถึงสามารถคาดการณ์ว่าผู้ใช้จะมีงบประมาณการซื้อสินค้าต่อวันเท่าใด ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์บนท้องถนน ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของทั้งฟอร์ดและกูเกิล

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ ฟอร์ดระบุว่าจะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในรถยนต์ไฮบริดประหยัดน้ำมันและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยอธิบายว่าหากผู้ใช้ติดเครื่องทุกเช้าในวันทำงาน ระบบจะสามารถทำนายได้ว่านี่คือเวลาที่ผู้ขับกำลังเดินทางไปทำงาน ในวิดีโอสาธิต ระบบสามารถส่งเสียงเพื่อยืนยันว่านี่คือการเดินทางไปสำนักใช่หรือไม่ หากส่งเสียงตอบว่าใช่ ระบบนำทางภายในรถจะตั้งค่าเป็นเส้นทางสู่สำนักงานโดยอัตโนมัติ

ด้วยวิธีการเหล่านี้ ฟอร์ดระบุว่าจะทำให้เครื่องยนต์ไฮบริดสามารถจัดสรรการเผาผลาญพลังงานระหว่างน้ำมันและแบตเตอรีอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด จุดนี้ทำให้ความร่วมมือระหว่างฟอร์ดและกูเกิลนั้นไม่ได้ทับซ้อนความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ ซึ่งร่วมกันพัฒนาระบบ Ford Sync โดยระบุว่าระบบของไมโครซอฟท์เป็นการเพิ่มประหสิทธิภาพการขับขี่ ซึ่งเน้นอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับโดยตรงทั้งในเรื่องระบบนำทางและการรับข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์ แต่ระบบของกูเกิลเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรพลังงานในรถ ให้สามารถทำงานได้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด

เบื้องต้น ข้อมูลระบุว่าข้อมูลพฤติกรรมของผู้ขับขี่จะถูกเก็บไว้ในระบบคลาวด์ของกูเกิลซึ่งจะมีการเก็บรวบรวมเมื่อได้รับความยินยอมจากผู้ใช้เท่านั้น โดยฟอร์ดยืนยันว่าไม่มีแผนจะพัฒนาเป็นระบบที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับขี่ เช่นการจำกัดความเร็วในการขับขี่ใดๆ แต่ยอมรับว่ามีแผนจะพัฒนาเป็นโปรแกรมเพื่อรถยนต์ขับขี่ตัวเองตามสไตล์ของผู้ขับ

ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการวางจำหน่ายหรือให้บริการเทคโนโลยีดังกล่าวของฟอร์ดและกูเกิลที่แน่นอน มีเพียงการคาดการณ์ว่าระบบนี้จะเริ่มวางตลาดได้ภายในปี 2015 หรืออีก 4 ปีนับจากนี้

Company Related Link :
Google
http://www.ford.com

นร.ไทย คว้า นักวิทย์ฯรุ่นเยาว์ 'อินเทล ไอเซฟ 2011'

นักเรียนไทย คว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ในการประกวดผลงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ระดับนานาชาติ หรืออินเทลไอเซฟ จากผลจากทำพลาสติกจากเกล็ดปลา รับทุนการศึกษา 50,000 เหรียญสหรัฐ

นายพรวสุ พงศ์ธีระวรรณ นางสาวธัญพิชา พงศ์ชัยไพบูลย์ และ นางสาวอารดา สังขนิตย์ ทีมจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ของมูลนิธิ อินเทล (Intel Foundation Young Scientist Award) ในการประกวดผลงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ระดับนานาชาติ หรืออินเทลไอเซฟ โดยนักเรียนทั้งสามคนได้รับทุนการศึกษา 50,000 เหรียญสหรัฐ จากความสำเร็จในการวิจัยเรื่องการสกัดเจลาตินจากเกล็ดปลาและนำมาผลิตพลาสติกบรรจุอาหาร ซึ่งเป็นโครงงานที่สามารถนำมาปรับใช้ได้จริง โครงงานวิทยาศาสตร์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ในการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ในระยะยาว

เช่นเดียวกับนายเทย์เลอร์ วิลสัน จากเมืองเรโน รัฐเนวาดา ที่เป็นนักเรียนอีกหนึ่งคนที่ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ของมูลนิธิอินเทล (Intel Foundation Young Scientist Award) และได้รับทุนการศึกษา 50,000 เหรียญสหรัฐ เทย์เลอร์ได้พัฒนาโครงงานเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันการก่อการร้ายทางนิวเคลียร์โดยใช้ระบบตรวจจับ

ขณะที่นายแมทธิว เฟดเดอร์เซน และนายแบลค มาร์กกราฟฟ์ จากเมืองลาฟาแย็ต รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยได้รับทุนการศึกษา 75,000 เหรียญสหรัฐ จากรางวัลกอร์ดอน อี มัวร์ ซึ่งเป็นรางวัลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่กอร์ดอน มัวร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง รวมทั้งเป็นประธานและซีอีโอที่เกษียณอายุการทำงานไปแล้วของอินเทล โครงงานวิทยาศาสตร์ของนักเรียนทั้งสองมีจุดประสงค์เพื่อให้การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งมีค่าใช้จ่ายน้อยลง โดยการนำดีบุกมาวางบริเวณใกล้กับเนื้อร้ายก่อนการรักษาด้วยการฉายรังสี

นอกจากนั้น นักเรียนไทยอีกหนึ่งทีม ได้แก่ นายนรินธเดช เจริญสมบัติ นายธนทรัพย์ ก้อนมณี และนางสาววรดา จันทร์มุข จากจังหวัดเพชรบุรี ได้รับรางวัลแกรนด์ อวอร์ด อันดับที่สี่ ในสาขาวิศวกรรมวัสดุและวิศวกรรมชีวเวช พร้อมได้รับทุนการศึกษา 500 เหรียญสหรัฐ จากโครงงานการนำผลของฟิลม์มิวซิเลจจากเมล็ดแมงลักมาใช้ในการยืดอายุการเก็บรักษาผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว

นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) กล่าว ผมขอแสดงความยินดีกับนักเรียนไทยทุกคนที่เป็นตัวแทนประเทศเข้าร่วมการประกวดในปีนี้ และร่วมสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อีกครั้งหนึ่ง การประกวดรางวัล อินเทลไอเซฟ ในครั้งนี้ช่วยตอกย้ำให้เราเห็นว่าวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมอันล้ำสมัย

“การแข่งขันในระดับนานาชาติครั้งนี้ได้รวบรวมเยาวชนจากประเทศต่างๆ ที่ล้วนพยายามหาทางแก้ไขและรับมือกับปัญหาระดับโลกโดยใช้วิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือ อินเทลมีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีอิเลิกทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) และสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 13 ปี เพื่อช่วยส่งเสริมและสนับสนุนนักเรียนไทยที่มีความสามารถ และอินเทลจะเดินหน้าโครงการดีๆ เพื่อส่งเสริมการศึกษาในประเทศเช่นนี้ต่อไป”

งานอินเทล ไอเซฟ 2011 ในปีนี้มีการคัดเลือกนักคิด นักประดิษฐ์ และนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์กว่า 1,500 คน โดยเป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือกจากการประกวดต่างๆ กว่า 443 งาน จาก 65 ประเทศและส่วนการปกครองต่างๆ ทั่วโลก โดยประเทศที่เข้าร่วมการประกวดเป็นครั้งแรกในปีนี้ ได้แก่ ฝรั่งเศส ตูนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

นอกเหนือจากผู้ชนะรางวัลที่กล่าวไปแล้ว ยังมีผู้ที่ได้รับรางวัลอื่นๆ อีกกว่า 400 คน ซึ่งได้รับรางวัลจากผลงานที่สร้างสรรค์และโดดเด่น รางวัลเหล่านี้แบ่งออกเป็น 17 สาขา โดยนักเรียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในแต่ละสาขาจะได้รับรางวัลคนละ 5,000 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ มูลนิธิอินเทลยังมอบทุนการศึกษาแก่โรงเรียนของผู้ที่ได้รับรางวัล อีกรางวัลละ 1,000 เหรียญสหรัฐ

สมาคมเพื่อวิทยาศาสตร์และสาธารณะ เป็นองค์กรการกุศลที่อุทิศตนเพื่อการวิจัย และการให้การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์สู่สาธารณชน โดยดูแลการจัดแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติมาตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2493

อลิซาเบธ มารินโคลา ประธานของสมาคมผลงานด้านเพื่อวิทยาศาสตร์และสาธารณะ กล่าวว่า “เราขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลทุกคน พวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงแรงผลักดันและความอยากรู้อยากเห็นอันแรงกล้าเพื่อการแก้ไขปัญหาด้านวิทยาศาสตร์ที่ท้าทาย ผลงานของพวกเขาและผลงานจากผู้เข้าแข่งขันทุกคนในงานอินเทลไอเซฟ 2011 ในปีนี้ แสดงให้ถึงศักยภาพของนักเรียน ที่สามารถประสบความสำเร็จได้เมื่อได้รับแรงบันดาลใจจากการคิด ตั้งคำถาม และการวิจัย”

โครงงานของผู้ที่เข้าร่วมงานอินเทลไอเซฟ 2011 ได้รับการพิจารณาและให้คะแนนจากผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับวุฒิดุษฏีบัณฑิต หรือเทียบเท่ากว่า 100 คนที่มีประสบการณ์การทำงานที่ช่ำชองในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์กว่า 6 ปี รายชื่อของผู้เข้าประกวดทั้งหมดสามารถเข้าชมได้ที่ www.societyforscience.org/intelisef2011 ผู้เข้าร่วมงานอินเทลไอเซฟนี้ได้รับการสนุนร่วมกันระหว่างบริษัทอินเทล และมูลนิธิอินเทล รวมถึงหน่วยงานเอกชน องค์กรทางการศึกษา และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ อีกหลายหน่วยงานที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2554 11:28 น.

"Chromebook"พร้อมขายมิ.ย.นี้ กูเกิลโชว์เปิดปุ๊บออนไลน์ปั้บใน 8 วิฯ

สังเวียนโน้ตบุ๊กเตรียมระเบิด เพราะกูเกิลประกาศเปิดตัว "โครมบุ๊ก (Chromebook)" คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการโครมโอเอสฝีมือการผลิตโดยซัมซุงและเอเซอร์จำนวน 2 รุ่นที่งานประชุมนักพัฒนาประจำปี Google I/O 2011 ระบุว่าทั้ง 2 รุ่นจะพร้อมวางจำหน่ายในร้านออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนเป็นต้นไปที่เว็บไซต์ Amazon.com และเว็บไซต์ของ Best Buy

การเปิดตัว"โครมบุ๊ก"ของกูเกิลถูกกล่าวขานว่าก้าวใหม่ในการแจ้งเกิด"คลาวด์คอมพิวเตอร์"สู่ตลาด เพราะระบบปฏิบัติการโครมโอเอส (Chrome operating system) เป็นระบบปฏิบัติการออนไลน์ (Web-based) ที่มีจุดเด่นคือการไม่กินทรัพยากรเครื่องมากเท่าระบบปฏิบัติการปกติ แถมยังลดเวลาในการเปิดเครื่องจากนาทีให้เหลือเป็นหลักวินาทีได้เพราะไม่ต้องใช้เวลาเปิดการทำงานไบออส โดยบนเวทีเปิดตัว กูเกิลได้สาธิตให้เห็นว่าโครมบุ๊กนั้นสามารถเปิดเครื่องและออนไลน์ได้ใน 8 วินาทีเท่านั้น

และแทนที่จะต้องเสียเงินซื้อลิขสิทธิ์โปรแกรมมาติดตั้งในเครื่อง ผู้ใช้โครมโอเอสยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันออนไลน์เช่น Gmail, Angry Birds หรือ Google Docs ซึ่งให้บริการบนเว็บไซต์มาใช้งานได้ในเวลาไม่กี่วินาทีผ่านหน้าเบราว์เซอร์ Chrome Browser

ข้อมูลจากงานนี้ระบุว่า Samsung Series 5 Chromebook จะประเดิมวางจำหน่ายที่สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อิตาลี และสเปน ประกอบด้วย 2 รุ่นคือรุ่นที่รองรับเครือข่ายข้อมูลไร้สาย WiFi อย่างเดียว จะวางจำหน่ายในราคา 429 เหรียญสหรัฐ (12,870 บาท) และรุ่นที่รองรับ 3G ด้วยในราคา 499 เหรียญ (ราว 14,970 บาท)

อย่างไรก็ตาม โครมบุ๊กจากเอเซอร์จะมีราคาต่ำกว่าโดยรุ่น WiFi จะมีราคาเริ่มต้นที่ 349 เหรียญ (ราว 10,470 บาท) มีกำหนดการวางแผงในตลาดเดียวกัน

ทั้งหมดนี้ Sundar Pichai รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์โครมของกูเกิล ระบุว่ากลุ่มเป้าหมายหลักของโครมโอเอสคือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเพราะโน้ตบุ๊กคืออุปกรณ์ที่ถูกใช้เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากที่สุดในขณะนี้

กำหนดการจำหน่ายโครมบุ๊ก 15 มิถุนายนถือว่าเป็นไปตามการประกาศที่ Pichai เคยประกาศไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่ากูเกิลและพันธมิตรจะพร้อมจัดส่งโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการโครมโอเอสได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2011 หลังจากที่กูเกิลจัดส่งโน้ตบุ๊กระบบปฏิบัติการโครมในชื่อ Cr-48 แก่ผู้ใช้จำนวนมากมาระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความหวั่นใจในโครมบุ๊กคือการไม่มีหน่วยความจำภายในเครื่อง เพราะโครมบุ๊กมีจุดยืนให้ผู้ใช้เข้าสู่ออนไลน์เพื่อใช้งานเว็บแอปพลิเคชันบนคลาวด์เซิร์ฟเวอร์โดยตรง แปลว่าโครมบุ๊กจะไม่สามารถทำงานได้หากเกิดกรณีฉุกเฉินที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ครั้งนี้ กูเกิลแสดงท่าทีชัดเจนในการรุกตลาดองค์กรด้วยการนำเสนอค่าบริการรายเดือนแก่ลูกค้าองค์กรธุรกิจ โดยจะให้บริการรักษาความปลอดภัย โปรแกรมกำหนดนโยบายการเข้าถึงว่าใครสามารถใช้แอปพลิเคชันใดได้บ้าง การรับประกันสินค้าเสียหายทั้งการเปลี่ยนเครื่องใหม่และการซ่อมบำรุง เบื้องต้นกูเกิลกำหนดค่าบริการไว้ที่ 28 เหรียญต่อเดือนต่อผู้ใช้ 1 คนสำหรับองค์กรธุรกิจ และ 20 เหรียญต่อเดือนต่อผู้ใช้ 1 คนในสถาบันการศึกษา กำหนดให้ต้องสมัครสมาชิกขั้นต่ำ 3 ปีขึ้นไป

นอกจากโครมบุ๊ก กูเกิลระบุว่าจะร่วมมือกับซัมซุงผลิต Chromebox เดสก์ท็อปบางเฉียบที่จะเปิดให้องค์กรสามารถสมัครใช้บริการในรูปแบบสมาชิกกับกูเกิลได้เช่นกัน คาดว่าจะได้รับความสนใจจากองค์กรจำนวนมากเพราะสามารถลดภาระการดูแลเครื่อง ตัวเครื่องบูตเร็ว สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา แบตเตอรี่อยู่ได้นาน ข้อมูลถูกเก็บบนกลุ่มเมฆไม่สูญหายและเรียกใช้ได้ยืดหยุ่น ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่ออัปเกรดเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ และความปลอดภัยที่ดีกว่าพีซีทั่วไป

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2554 16:15 น.