ใครจะเชื่อว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนที่ 'แบล็กเบอรี' มือถือที่คนยุคเจนเนอเรชัน 'วาย' ก้มหน้าก้มตากดๆ จิ้มๆ ตามสถานที่ต่างๆ ประสบความสำเร็จมากที่สุดจะเป็น 'อินโดนีเซีย' ไม่ใช่ไทย ไม่ใช่ฟิลิปปินส์
จากตัวเลขที่รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือเรียกแบบย่อๆ ว่า ริม บริษัทเจ้าของแบรนด์ผลไม้ 'แบล็กเบอรี'ระบุว่า อินโดนีเซียนี่แหละเติบโตมากกว่า 1,000% ขอย้ำตัวเลขนี้ไม่ได้พิมพ์ผิด เรียกว่า ครองแชมป์ประเทศขายแบล็กเบอรีดีที่สุดในภูมิภาคนี้ก็ว่าได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมริมถึงเลือก อินโดนีเซีย เปิดตัวแบล็กเบอรีรุ่นใหม่พร้อมกัน 2 รุ่น
'จิม บาลซิลลี' ประธานบริหารร่วม รีเสิร์ช อิน โมชั่น ให้ข้อมูลที่น่าสนใจถึงความคลั่งไคล้แบล็กเบอรีในอินโดนีเชียว่า แบล็กเบอรี Curve 8520 เป็นโทรศัพท์ที่ขายดีที่สุดในอินโดนีเชีย และ 4 ใน 5 สมาร์ทโฟนที่จำหน่ายออกไปเป็นแบล็กเบอรี นอกจากนี้ ในอินโดนีเซียยังมีมหาวิทยาลัยอีก 15 แห่งที่เปิดสอนวิชาพัฒนาแอปพลิเคชัน มีร้านให้ข้อมูลเชิงลึก 48 ร้าน และยังมีศูนย์ซ่อมเครื่องครบวงจร ทั้งหมดนี้สำหรับแบล็กเบอรี
ถึงแม้แบล็กเบอรี 2 รุ่นใหม่นี้จะไม่ได้มีฟีเจอร์แรงๆ แต่ริมภูมิใจว่า เป็นสเปกที่ออกมาตอบโจทย์ความต้องการของคนในภูมิภาคนี้เต็มๆ เรียกว่า ออกแบบตามไลฟ์สไตล์ผู้ใช้ก็ว่าได้
ถ้านับกันเฉพาะเครื่องที่สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการแบล็กเบอรี 7 ในเวลานี้ มีด้วยกันถึง 6 รุ่น ไล่กันตั้งแต่รุ่นไฮเอนด์สุดๆ ของแบล็กเบอรี “Bold 9900” ที่ย้อนอดีตนำดีไซน์ในหน้าตา Bold 9000 รุ่นยอดนิยมมาใช้ โดยปรับปรุงใหม่ตั้งแต่ขนาดและปุ่มของตัวเครื่องที่มีขนาดใหญ่ ใช้งานง่ายขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องขนาดเหมาะมือ ขาดแต่เพียงตัวกล้องไม่มีออโต้โฟกัส
ส่วน Bold 9790 ที่นำดีไซน์ของ Bold 9780 มาปรับให้บางลง เน้นเจาะกลุ่มผู้หญิงที่ชอบคีย์บอร์ดขนาดเล็ก มีสเปกต่ำกว่า Bold 9900 เล็กน้อย แต่มาพร้อมกับกล้องแบบออโต้โฟกัส ขณะที่ Torch 9810 ซึ่งเป็นตัวต่อยอดจาก Torch 9800 มีทั้งหน้าจอทัชสกรีน และคีย์บอร์ด QWERTY สไลด์ ที่ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้งานแบบทัชสกรีน หรือ สไลด์คีย์บอร์ดออกมาพิมพ์
และ Curve 9360 ยังคงดีไซน์ขนาดเล็กที่มาพร้อมกับปุ่ม QWERTY แบบเม็ดข้าวโพด คล้ายกับรุ่นที่ขายดีเทน้ำเทท่าอย่าง Curve 8520 และ Curve 3G คาดว่า รุ่นนี้จะกลายเป็นไม้ตายของริมที่วางไว้เพื่อนำมาเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานใหม่ในอนาคต เมื่อมีการปรับราคาลง
นอกจากนี้ ยังมีรุ่นที่เป็นฟอร์มเฟคเตอร์ตามความต้องการของตลาดอย่าง Torch 9860 และ Curve 9380 ซึ่งรองรับการใช้งานทัชสกรีนเพียงอย่างเดียว เน้นการใช้งานด้านมัลติมีเดีย โดยตัว 9860 สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง 720p ได้ด้วย
สเปกต่างๆและความสามารถของเครื่องก็มีการปรับลดและปรับเพิ่มให้เข้ากับช่วงราคาไล่กันตั้งแต่ตลาดกลางไปจนถึงบน โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเดิม ที่ชอบดีไซน์แบบคลาสิก พร้อมกับรุกไปในตลาดใหม่อย่างหน้าจอทัชสกรีนไปในตัว
จิม บาลซิลลี กล่าวค่อว่า ริมยังไม่มีแผนตายตัวที่จะออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นทัชสกรีนไปเลย หรือยังคงคีย์บอร์ดแบบ QWERTY ไว้ แต่ริมจะไม่มีทางทิ้งจุดเด่นที่สุดของตัวเองอย่างคีย์บอร์ด QWERTY แน่นอน แต่การออกรุ่นทัชสกรีนมาก็เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด เพราะเชื่อว่ายังมีผู้บริโภคอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องการแบล็กเบอรีแบบทัชสกรีน
แต่อย่างที่รู้กันว่า เครื่องที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดประเทศกำลังพัฒนา ไม่ใช่สมาร์ทโฟนในรุ่นไฮเอนด์ราคาสูง ทำให้ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของแบล็กเบอรีที่ขายดีที่สุดยังคงเป็น Curve 8520 ที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 1 ปี และลดระดับราคาลงไปใกล้เคียงกับฟีเจอร์โฟน จึงทำให้สามารถขยายตลาดสมาร์ทโฟนไปยังต่างจังหวัดได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันยังมีข้อมูลหลุดออกมาอีกว่าในอนาคตอาจจะได้เห็นริมทำแบล็กเบอรีราคาไม่ต่างจากฟีเจอร์โฟนราคาถูกออกมาจำหน่าย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมาก
นอกจากในแง่ของผลิตภัณฑ์แล้ว ริม ยังโฟกัสไปที่แพลตฟอร์มอย่างระบบปฏิบัติการแบล็กเบอรี 7 ที่มีการพัฒนาขึ้นจากเดิมมาก โดยยังคงเน้นไปที่การพัฒนาให้รองรับการใช้งานเครือข่ายสังคม ให้มีความสามารถมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดูได้จากเหล่านักพัฒนาที่เริ่มเข้ามาพัฒนาแอปพลิเคชันของแบล็กเบอรีที่มีจำหน่ายมากขึ้นขณะเดียวกันยอดดาวน์โหลดก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
อีกจุดหนึ่งที่ตลาดของประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เหมือนกับตลาดยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาก็คือ โมเดลการจำหน่ายสินค้า ที่ริมสามารถจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศได้ทันที ไม่ต้องผูกมัดการจำหน่ายเข้ากับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือโอเปอเรเตอร์แต่อย่างไร จึงช่วยให้เกิดความคล่องตัวและง่ายต่อการจัดทำแคมเปญการตลาดของผู้ให้บริการในแต่ละประเทศให้สามารถแข่งขันกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้แบล็กเบอรี ให้เติบโตในตลาดภูมิภาคนี้ได้อย่างต่อเนื่อง
ต่อจากนี้ไป ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า ทางเดินของ 'ริม' จะหันมาจับตลาดสมาร์ทโฟนราคาถูก หรือยังคงยึดติดอยู่กับการสร้างภาพลักษณ์ของผู้ใช้แบล็กเบอรี ให้ดูดีมีระดับ ซึ่งตลาดในส่วนนี้ กำลังโดนคู่แข่งแบรนด์ผลไม้ด้วยกัน แย่งชิงไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การหันไปจับตลาดสมาร์ทโฟนราคาถูก ก็มีอีกหลากหลายแบรนด์ที่ใช้หุ่นกระป๋องแย่งเค้กกันอยู่
Company Relate Link :
RIM
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤศจิกายน 2554 11:40 น.
“การใช้งาน แบล็กเบอรีในอินโดนีเชีย ไม่ใช่แค่ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ แต่ยังรวมไปถึงการใช้สมาร์ทโฟนในการตรวจสภาพอากาศ รวมถึงการใช้งานในเชิงธุรกิจด้วย”
นอกจากนี้ ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมของแบล็กเบอรีในตลาดโลกด้วยว่า ที่ผ่านมาริมสามารถจำหน่ายแบล็กเบอรีไปได้มากกว่า 165 ล้านเครื่อง โดยมีผู้เปิดใช้งานมากกว่า 70 ล้านราย และมากกว่า 50 ล้านรายเปิดใช้บริการ 'บีบีเอ็ม' ซึ่งวางจำหน่ายใน 175 ประเทศทั่วโลก ผ่าน 625 พาร์ทเนอร์
'เกรกอรี่ เวดด์' กรรมการผู้จัดการระดับภูมิภาค ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก ริม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมโดยอ้างอิงจากบริษัทวิจัย จีเอฟเค ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2554 แบล็กเบอรี เป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนในอินโดนีเชีย ไทยและฟิลลิปปินส์
“ไอดีซีคาดการณ์ว่า อีก 4 ปีข้างหน้าหรือประมาณปี 2558 ริมจะสามารถจำหน่ายแบล็กเบอรีที่ อินโดนีเชีย ได้ 9.7 ล้านเครื่อง สูงกว่า แอนดรอยด์ ไอโฟน และวินโดวส์ โฟน จึงทำให้ ริม มั่นใจว่า ตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกจะเป็นพื้นที่สำคัญที่ทำให้ ริม เดินหน้าต่อไป"
นอกจากนี้ เวดด์ มีความมั่นใจมากๆ ว่า แบล็กเบอรีมีอาวุธสำคัญที่จะสามารถต่อกรกับสมาร์ทโฟนไฮเอนด์แบรนด์อื่นได้ดี อาวุธที่ว่านั้นก็คือ ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอรี 7 เวอร์ชันใหม่จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคหันกลับมาเลือกใช้งานแบล็กเบอรี จากความสามารถต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการรับระบบสัมผัสที่ลื่นไหลขึ้น ใช้งานเว็บไซต์ได้รวดเร็วขึ้น และแน่นอนที่ยังต้องมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายสังคมออนไลน์
จิม บาลซิลลี กล่าวเสริมว่า นอกจากในแง่ของระบบปฏิบัติการแล้ว ตัวเครื่องของแบล็กเบอรีก็มีการพัฒนาฟอร์มเฟคเตอร์ให้หลากหลายขึ้น มีทั้งแบบทัชสกรีนอย่างเดียว หรือทั้งทัชสกรีนและคีย์บอร์ด ตอกย้ำว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของแบล็กเบอรีตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
ล่าสุด ได้มีการเปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ Bold 9790 และ Curve 9380 เป็นที่แรกในโลก ที่กรุงจาการ์ต้า อินโดนีเชีย พร้อมกับให้ข้อมูลว่าจะเริ่มจำหน่ายภายในสัปดาห์นี้ทั้งในอินโดนีเชียและแถบประเทศยุโรป ส่วนประเทศไทยคาดว่าจะเริ่มเข้ามาจำหน่ายในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้
วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554
10 อันดับคำค้นหายอดนิยม Google ไทย แห่งปี 2011
คำค้นหา 10 อันดับยอดนิยมในเว็บไซต์ Google ประเทศไทย แห่งปี 2011
อันดับ 1. Facebook
อันดับ 2. Frive
อันดับ 3. คันหู
อันดับ 4. คนอวดผี
อันดับ 5. หน่วง
อันดับ 6. Boomz
อันดับ 7. น้ำท่วม
อันดับ 8. กินตับ
อันดับ 9. มาช่า
อันดับ 10. iPhone 5
ถ้าแยกตามหมวดหมู่...
บันเทิง
อันดับ 1. คันหู
อันดับ 2. คนอวดผี
อันดับ 3. กินตับ
อันดับ 4. พูดไม่คิด
อันดับ 5. เมียแต่ง
อันดับ 6. ยังโสด
อันดับ 7. รอยมาร
อันดับ 8. คิดมาก
อันดับ 9. ลัดดาแลนด์
อันดับ 10. Lazy Song
สื่อและข่าว
อันดับ 1. น้ำท่วม
อันดับ 2. สงกรานต์ สีลม
อันดับ 3. ไทยรัฐ
อันดับ 4. Manager
อันดับ 5. สยามกีฬา
อันดับ 6. ข่าว บันเทิง
อันดับ 7. ข่าว กีฬา
อันดับ 8. ข่าว เศรษฐกิจ
อันดับ 9. กรุงเทพธุรกิจ
อันดับ 10. คมชัดลึก
กีฬา
อันดับ 1. fa
อันดับ 2. บ้านผลบอล
อันดับ 3. แมนยู
อันดับ 4. มวยไทย
อันดับ 5. เชลซี
อันดับ 6. ตกปลา
อันดับ 7. ลิเวอร์พูล
อันดับ 8. soccersuck
อันดับ 9. หมากฮอส
อันดับ 10. บุรีรัมย์ PEA
บุคคลดัง
อันดับ 1. มาช่า
อันดับ 2. โดม
อันดับ 3. แพร วา
อันดับ 4. ประวัติ สุนทร ภู่
อันดับ 5. teresa idalgo
อันดับ 6. bodyslam
อันดับ 7. หลวง พ่อ เงิน
อันดับ 8. eminem
อันดับ 9. ต่าย อรทัย
อันดับ 10. พระมหาสมปอง
เกมส์
อันดับ 1. angry bird
อันดับ 2. fifa online
อันดับ 3. minecraft
อันดับ 4. sf
อันดับ 5. gta
อันดับ 6. เกมทําอาหาร
อันดับ 7. เกมแต่งตัว
อันดับ 8. dota
อันดับ 9. เกมส์จับคู่
อันดับ 10. talesrunner
เทคโนโลยี IT
อันดับ 1. เฟชบุ๊ค
อันดับ 2. Google Plus
อันดับ 3. Google Chrome
อันดับ 4. ยูทูป
อันดับ 5. hotmail.co.th
อันดับ 6. samsung galaxy tab
อันดับ 7. ipad
อันดับ 8. whatsapp
อันดับ 9. android
อันดับ 10. nokia x7
Gadget
อันดับ 1. iphone 5
อันดับ 2. samsung galaxy
อันดับ 3. ipad
อันดับ 4. iphone 4
อันดับ 5. bb
อันดับ 6. เครื่องคิดเลข
อันดับ 7. โน๊ตบุ๊ค
อันดับ 8. โนเกีย
อันดับ 9. acer
อันดับ 10. canon
วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ธรรมดาซะที่ไหน! พี่จีนเปิดตัวโน้ตบุ๊กฝาแฝด MacBook Air
หลังจากที่เคยสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดร้านแอปเปิลสโตร์ ในคุนหมิงประเทศจีนจนสร้างความฮือฮาไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต คราวนี้พี่จีนขอโชว์เทพอีกครั้งด้วยการเปิดตัวโน้ตบุ๊กตัวใหม่นามว่า AirBook ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ MacBook Air ชนิดที่ว่าสามารถเรียกเป็นฝาแฝดได้เลยทีเดียว
คงไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะมีความสามารถในการก๊อปปี้งานได้เหมือนกับต้นฉบับได้เท่ากับประเทศจีนอีกแล้ว เมื่อเว็บไซต์ MIC Gadget ได้รีวิวภาพและวิดีโอพร้อมสเปกของ AirBook โน้ตบุ๊กฝาแฝดเวอร์ชันก๊อปปี้แคทของ MacBook Air ของแอปเปิลชนิดที่ว่าต้องดูกันหลายตลบถึงจะดูออกว่านี่เป็นของปลอม
สำหรับ AirBook ของจีนที่ลอกเลียนแบบ MacBook Air นั้นนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกจะมีความคล้ายคลึงกันแล้ว ขนาดรอบตัวเครื่องและน้ำหนักก็ยังใกล้เคียงกับ MacBook Air ของจริงอีกด้วย โดยขนาดรอบตัวเครื่องของ AirBook อยู่ที่ 13.1 x 8.83 x 0.75 นิ้ว น้ำหนัก 3.1 ปอนด์ (1.41 กิโลกรัม) ด้านวัสดุประกอบงานใช้เป็นแบบพลาสติกยูนิบอดี้ หรือวัสดุประกอบชิ้นเดียว ส่วนระบบปฏิบัติการ AirBook ใช้เป็น Windows 7 ไม่ใช่ Mac OS X แต่อย่างใด ซึ่งนี่คือจุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดอีกจุดหนึ่งถ้าหากให้เทียบกับระหว่าง AirBook และ MacBook Air
อย่างไรก็ตามสเปกภายในของ AirBook จะมาพร้อมหน่วยประมวลผลอะตอม ดูอัล-คอร์ ความเร็ว 1.8GHz, RAM 4GB ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสเปกโน้ตบุ๊กที่แรงพอสมควรเลยทีเดียว
ทั้งนี้ AirBook จะเคาะราคาจำหน่ายที่ 499 เหรียญฯ คิดเป็นเงินไทยราว 15,500 บาท แต่ไม่แน่ใจว่า AirBook จะวางจำหน่ายได้อีกนานเพียงใด เพราะโน้ตบุ๊กเครื่องนี้ดันเลียนแบบทุกสิ่งอย่างของ MacBook Air และรวมไปถึงโลโก้ผลแอปเปิลแหว่งด้านหลังด้วย
หากว่าต้องการจะรับชมว่า AirBook จะหน้าตาเหมือนกับ MacBook Air ขนาดไหน ติดตามชมต่อได้จากคลิปด้านล่างได้เลยครับ
คงไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะมีความสามารถในการก๊อปปี้งานได้เหมือนกับต้นฉบับได้เท่ากับประเทศจีนอีกแล้ว เมื่อเว็บไซต์ MIC Gadget ได้รีวิวภาพและวิดีโอพร้อมสเปกของ AirBook โน้ตบุ๊กฝาแฝดเวอร์ชันก๊อปปี้แคทของ MacBook Air ของแอปเปิลชนิดที่ว่าต้องดูกันหลายตลบถึงจะดูออกว่านี่เป็นของปลอม
สำหรับ AirBook ของจีนที่ลอกเลียนแบบ MacBook Air นั้นนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกจะมีความคล้ายคลึงกันแล้ว ขนาดรอบตัวเครื่องและน้ำหนักก็ยังใกล้เคียงกับ MacBook Air ของจริงอีกด้วย โดยขนาดรอบตัวเครื่องของ AirBook อยู่ที่ 13.1 x 8.83 x 0.75 นิ้ว น้ำหนัก 3.1 ปอนด์ (1.41 กิโลกรัม) ด้านวัสดุประกอบงานใช้เป็นแบบพลาสติกยูนิบอดี้ หรือวัสดุประกอบชิ้นเดียว ส่วนระบบปฏิบัติการ AirBook ใช้เป็น Windows 7 ไม่ใช่ Mac OS X แต่อย่างใด ซึ่งนี่คือจุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดอีกจุดหนึ่งถ้าหากให้เทียบกับระหว่าง AirBook และ MacBook Air
อย่างไรก็ตามสเปกภายในของ AirBook จะมาพร้อมหน่วยประมวลผลอะตอม ดูอัล-คอร์ ความเร็ว 1.8GHz, RAM 4GB ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสเปกโน้ตบุ๊กที่แรงพอสมควรเลยทีเดียว
ทั้งนี้ AirBook จะเคาะราคาจำหน่ายที่ 499 เหรียญฯ คิดเป็นเงินไทยราว 15,500 บาท แต่ไม่แน่ใจว่า AirBook จะวางจำหน่ายได้อีกนานเพียงใด เพราะโน้ตบุ๊กเครื่องนี้ดันเลียนแบบทุกสิ่งอย่างของ MacBook Air และรวมไปถึงโลโก้ผลแอปเปิลแหว่งด้านหลังด้วย
หากว่าต้องการจะรับชมว่า AirBook จะหน้าตาเหมือนกับ MacBook Air ขนาดไหน ติดตามชมต่อได้จากคลิปด้านล่างได้เลยครับ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 ธันวาคม 2554 12:49 น.
Google Maps เวอร์ชันใหม่ ดึงแผนที่อาคารสู่มือถือ
ต้องยกนิ้วให้สำหรับทีมพัฒนาบริการแผนที่ของกูเกิล "กูเกิลแม็ปส์ (Google Maps)" ซึ่งสามารถพัฒนาความสามารถใหม่ได้อย่างมีประโยชน์ ที่ผ่านมา ชาวออนไลน์สามารถดูแผนที่ทั่วโลกได้ทุกตารางนิ้วแต่กลับไม่สามารถดูแผนที่ในอาคารที่ยืนอยู่ได้ กระทั่งวันนี้ที่ Google Maps 6.0 แจ้งเกิด
Google Maps 6.0 for Android นั้นเพิ่งเปิดตัวเมื่อวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯ ความสามารถใหม่ที่โดดเด่นคือ indoor mapping หรือการแสดงแผนที่ในอาคาร (Floor Plan) แน่นอนว่าบริการนี้กูเกิลต้องจับมือเป็นพันธมิตรกับอาคารบางแห่งในสหรัฐฯในช่วงเริ่มต้น โดยรายงานระบุว่ากูเกิลได้เจรจากับบริษัทธุรกิจและผู้ให้บริการสาธารณะหลายแห่ง
Google Maps 6.0 for Android คือระบบแผนที่สำหรับอุปกรณ์แอนดรอยด์พกพาทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ผู้ใช้จะสามารถดูแผนผังอาคารโดยสลับผังไปมาระหว่างชั้น (หากอาคารนั้นมีหลายชั้น) ภายในผังจะชี้ตำแหน่งข้อมูลที่จำเป็นเช่นจุดให้บริการห้องน้ำ ตู้กดเงินสดเอทีเอ็ม รวมถึงร้านค้าในอาคาร
Google Maps 6.0 for Android นั้นเพิ่งเปิดตัวเมื่อวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯ ความสามารถใหม่ที่โดดเด่นคือ indoor mapping หรือการแสดงแผนที่ในอาคาร (Floor Plan) แน่นอนว่าบริการนี้กูเกิลต้องจับมือเป็นพันธมิตรกับอาคารบางแห่งในสหรัฐฯในช่วงเริ่มต้น โดยรายงานระบุว่ากูเกิลได้เจรจากับบริษัทธุรกิจและผู้ให้บริการสาธารณะหลายแห่ง
Google Maps 6.0 for Android คือระบบแผนที่สำหรับอุปกรณ์แอนดรอยด์พกพาทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ผู้ใช้จะสามารถดูแผนผังอาคารโดยสลับผังไปมาระหว่างชั้น (หากอาคารนั้นมีหลายชั้น) ภายในผังจะชี้ตำแหน่งข้อมูลที่จำเป็นเช่นจุดให้บริการห้องน้ำ ตู้กดเงินสดเอทีเอ็ม รวมถึงร้านค้าในอาคาร
ชัดเจนว่า Google Maps 6.0 for Android จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่อยู่ในอาคารขนาดใหญ่เท่านั้น โดยเฉพาะในสนามบินที่นักท่องเที่ยวมักไม่คุ้นทาง รายงานจาก Wired.com ชี้ว่ากูเกิลได้ร่วมมือกับ สนามบิน San Francisco International และ O’Hare ในชิคาโก เพื่อให้บริการแล้ว พร้อมกับธุรกิจอีกประมาณ 25 บริษัทเช่น Macy และ Bloomingdale ซึ่งมีร้านค้าปลีกในเครือมากมายนับไม่ถ้วน
อย่างไรก็ตาม ระบบแผนผังอาคารของ Google Maps 6.0 for Android จะไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบระบุพิกัด GPS ได้เนื่องจากชั้นคอนกรีตหนาในอาคาร จุดนี้ Steve Lee ผู้จัดการโครงการกูเกิลแม็ปส์ยอมรับว่า GPS ไม่สามารถทำงานในอาคารได้เสถียรพอ กูเกิลจึงต้องหันมาใช้เทคโนโลยีเก่าอย่าง ‘blue dot’ ซึ่งเคยนำมาใช้พัฒนาระบบนำทางของกูเกิลมาก่อน ทำให้ระบบสามารถรับรู้ตำแหน่งของผู้ใช้ในอาคารได้ในระยะสั้นราว 5-10 เมตร
นอกจากสหรัฐฯ กูเกิลเปิดตัวบริการแผนผังอาคารในญี่ปุ่นด้วย โดยครอบคลุมข้อมูลแผนผังรถไฟใต้ดินในโตเกียว และศูนย์การค้าหลายแห่งที่นักท่องเที่ยวหน้าใหม่ต้องพึ่งแผนที่ทุกราย จุดนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า Google Maps 6.0 for Android ไม่ครอบคลุมเส้นทางการขนส่งของสหรัฐฯ
และที่พลาดไม่ได้ กูเกิลได้เปิดชุดเครื่องมือเบต้าเวอร์ชันเพื่อให้ธุรกิจได้ทดลองอัปโหลดแผนผังอาคารขึ้นสู่ฐานข้อมูลของกูเกิลแม็ปส์ ซึ่งแม้จะต้องใช้เวลาอีกระยะ แต่แน่นอนว่ากูเกิลวางเดิมพันว่าบริษัทธุรกิจที่มีหน้าร้านทั้งน้อยและใหญ่จะต้องสนใจคุณสมบัตินี้
Google Maps 6.0 for Android เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วที่ Android Market สำหรับโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android version 2.1 ขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม ระบบแผนผังอาคารของ Google Maps 6.0 for Android จะไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบระบุพิกัด GPS ได้เนื่องจากชั้นคอนกรีตหนาในอาคาร จุดนี้ Steve Lee ผู้จัดการโครงการกูเกิลแม็ปส์ยอมรับว่า GPS ไม่สามารถทำงานในอาคารได้เสถียรพอ กูเกิลจึงต้องหันมาใช้เทคโนโลยีเก่าอย่าง ‘blue dot’ ซึ่งเคยนำมาใช้พัฒนาระบบนำทางของกูเกิลมาก่อน ทำให้ระบบสามารถรับรู้ตำแหน่งของผู้ใช้ในอาคารได้ในระยะสั้นราว 5-10 เมตร
นอกจากสหรัฐฯ กูเกิลเปิดตัวบริการแผนผังอาคารในญี่ปุ่นด้วย โดยครอบคลุมข้อมูลแผนผังรถไฟใต้ดินในโตเกียว และศูนย์การค้าหลายแห่งที่นักท่องเที่ยวหน้าใหม่ต้องพึ่งแผนที่ทุกราย จุดนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า Google Maps 6.0 for Android ไม่ครอบคลุมเส้นทางการขนส่งของสหรัฐฯ
และที่พลาดไม่ได้ กูเกิลได้เปิดชุดเครื่องมือเบต้าเวอร์ชันเพื่อให้ธุรกิจได้ทดลองอัปโหลดแผนผังอาคารขึ้นสู่ฐานข้อมูลของกูเกิลแม็ปส์ ซึ่งแม้จะต้องใช้เวลาอีกระยะ แต่แน่นอนว่ากูเกิลวางเดิมพันว่าบริษัทธุรกิจที่มีหน้าร้านทั้งน้อยและใหญ่จะต้องสนใจคุณสมบัตินี้
Google Maps 6.0 for Android เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วที่ Android Market สำหรับโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android version 2.1 ขึ้นไป
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤศจิกายน 2554 09:26 น.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)