วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

นับถอยหลัง GDrive ไดร์ฟพิเศษจาก Google?

บริการที่ร่ำลือกันมานานอย่าง GDrive ถูกนำมากล่าวถึงอีกครั้งในวันนี้ โลกออนไลน์ฟันธงว่าพี่ใหญ่เสิร์ชเอนจิ้นอย่างกูเกิล (Google) จะเปิดให้บริการเก็บไฟล์ออนไลน์แก่สาธารณชนในช่วงไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ คาดว่าจะมาพร้อมบริการที่ต่ำกว่าบริการเก็บไฟล์ยอดฮิตอย่าง Dropbox ด้วย

วอลล์สตรีทเจอร์นอลเป็นหนึ่งในสื่อที่รายงานเรื่องนี้อย่างละเอียด โดยระบุว่าบริการใหม่ของกูเกิลซึ่งในข่าวใช้ชื่อบริการว่า "Drive" นั้นจะให้พื้นที่ฝากไฟล์แก่ชาวออนไลน์ฟรีระดับหนึ่ง ขณะที่ผู้ใช้ในองค์กรธุรกิจจะสามารถใช้งานร่วมกับ Google Apps ได้

ฟังดูอาจไม่ค่อยพิเศษ เพราะกูเกิลเริ่มแนบคุณสมบัติให้พื้นที่เก็บข้อมูลฟรีในบริการทั้ง Google Docs และ Gmail ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2010 อยู่แล้ว เพียงแต่ก็ยังไม่เคยประชาสัมพันธ์ในชื่อ GDrive หรือบริการฝากไฟล์สไตล์ Dropbox เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม เจอร์นอลตั้งข้อสังเกตว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะเน้นให้บริการไฟล์ประเภทภาพ วิดีโอ และข้อมูลส่วนตัว ซึ่งเพิ่มเติมจากบริการด้านเอกสาร อีเมล และเพลงที่กูเกิลแถมพื้นที่มาให้แล้วก่อนหน้านี้

บริการฝากไฟล์ออนไลน์นั้นเป็นบริการเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งที่นิยมมากในปัจจุบัน หลักการคือผู้ใช้คอมพิวเตอร์จะสามารถฝากไฟล์ไว้บนโลกออนไลน์ได้อย่างอิสระ เพื่อให้อุปกรณ์ทุกอย่างที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสามารถเปิดไฟล์นั้นๆได้ทุกที่ทุกเวลา บริการนี้ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องพกพาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเครื่องใหญ่ไปมา หรือไม่ต้องพกพาแฟลชไดร์ฟติดตัว แต่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ต่ออินเทอร์เน็ตอื่นๆเป็นเครื่องมือเปิดไฟล์ในขณะเดินทางได้

สำหรับกรณีของกูเกิล แหล่งข่าวของเจอร์นอลรายงานว่า หากผู้ใช้ต้องการอีเมลวิดีโอที่ถ่ายจากกล้องบนสมาร์ทโฟน แอปพลิเคชัน Drive ในสมาร์ทโฟนจะช่วยอัปโหลดไฟล์วิดีโอขึ้นสู่เว็บไซต์ได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้รายนั้นสามารถส่งเพียงลิงก์แนบไปกับอีเมล แทนที่จะต้องเสียเวลาแนบไฟล์ใหญ่โตของวิดีโอ

การอัปโหลดไฟล์วิดีโอจากสมาร์ทโฟนแบบอัตโนมัติจะช่วยให้การแบ่งปันวิดีโอบนบริการเครือข่ายสังคมทำได้ง่ายขึ้นด้วย หากไม่แบ่งปันในเครือข่ายสังคม ก็สามารถเปิดให้กลุ่มเพื่อนเฉพาะคนเข้ามาชมวิดีโอได้ในขณะเดียวกัน

นี่เป็นรายงานข่าวเกี่ยวกับ GDrive ชิ้นล่าสุดหลังจากถูกลือครั้งแรกในปี 2007 ว่ากูเกิลจะเพิ่มไดร์ฟเก็บข้อมูลดิจิตอลให้ผู้ใช้แต่ละคนสามารถเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ต้องผูกติดกับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง ข่าวดังกล่าวหายเงียบไปจนกระทั่งปี 2009 มีการรายงานว่าบริการดังกล่าวจะถูกใช้ชื่อว่า "Google Web Drive" จนล่าสุดปี 2011 ที่ผ่านมา กูเกิลเปิดตัวบริการตู้เก็บเพลงออนไลน์ที่สามารถสตรีมเพลงไปเล่นบนอุปกรณ์ใดก็ได้ในชื่อ Google Music ซึ่งยังไม่เป็นกระแสร้องแรงเท่าที่ควร

ตามธรรมเนียม กูเกิลยังไม่เปิดเผยความเห็นใดๆต่อรายงานข่าวที่เกิดขึ้น เท่ากับชาวออนไลน์ต้องรอดูความคืบหน้าต่อไป

Company Related Link :
Google

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2555 19:38 น.

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผู้บริโภคจะเป็นอย่างไร เมื่อ Symantec ถูกนักแฮกเรียกค่าไถ่ ?


หนึ่งในข่าวไอทีต่างประเทศที่ได้รับความสนใจจากโลกออนไลน์ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คือไซแมนเทค (Symantec) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ที่ถูกโจรไฮเทคกลุ่ม Anonymous เรียกเงินค่าไถ่ โดยขู่ว่าหากไซแมนเทคไม่ยอมจ่ายเงิน ซอร์สโค้ดหรือชุดคำสั่งในโปรแกรม Norton Utilities และ pcAnywhere ที่ไซแมนเทควางขายแก่ผู้ใช้ จะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนบนโลกออนไลน์

ไม่พูดเปล่า แต่แฮกเกอร์โจรยังขู่ไซแมนเทคด้วยการปล่อยซอร์สโค้ดบางส่วนออกมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าจะมีการปล่อยซอร์สโค้ดออกมาอีกในอนาคต

การปล่อยซอร์สโค้ดโปรแกรมนั้นเป็นคำขู่ที่ยิ่งใหญ่สำหรับบริษัทจำหน่ายโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอย่างไซแมนเทค เพราะการเผยแพร่ชุดคำสั่งสู่สาธารณชนจะมีโอกาสทำให้กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดี สามารถศึกษาชุดคำสั่งเพื่อเจาะระบบการป้องกันที่วางไว้ได้ ไม่ต่างกับการส่งแผนที่ให้ศัตรูรู้ว่าได้วางกับดักใดไว้ในสมรภูมิรบ ซึ่งศัตรูจะสามารถหาช่องทางเจาะแนวรบเข้ามาประชิดเมืองได้ง่ายกว่าเดิม

หากประชิดเมืองได้ ชาวเมืองย่อมตกอยู่ในอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย เท่ากับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของไซแมนเทคกำลังอยู่ในความเสี่ยง แต่ในข่าว ไซแมนเทคยืนยันว่าผู้บริโภคจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร แถมคาดว่าซอร์สโค้ดที่กำลังจะถูกเผยแพร่เพิ่มเติมนั้นเป็นชุดคำสั่งเก่าที่จะไม่มีผลใดๆกับผู้ใช้ในพ.ศ.นี้

คำถามคือจริงหรือไม่ อย่างไร?

คำยืนยันของไซแมนเทคมีส่วนเชื่อถือได้ เพราะ Cris Paden ประชาสัมพันธ์ของไซแมนเทคนั้นยืนยันว่าชุดคำสั่งที่ Anonymous เผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์นั้นเป็นชุดคำสั่งเดียวกับที่บริษัทเคยพบว่าถูกขโมยไปตั้งแต่ปี 2006 โดยเป็นชุดคำสั่งของโปรแกรม Norton Utilities และ pcAnywhere คาดว่าชุดคำสั่งต่อไปที่โจรนักแฮกจะปล่อยออกมา อาจเป็นชุดคำสั่งของโปรแกรม Norton Antivirus Corporate Edition และ Norton Internet Security ปี 2006

ความที่เป็นโปรแกรมเก่าแก่อายุมากกว่า 5 ปี ทำให้ไซแมนเทคเชื่อว่าลูกค้าไซแมนเทคและนอร์ตันจะไม่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แถมประชาสัมพันธ์ไซแมนเทคยังย้ำว่าบริษัทไม่ได้หวั่นใจกับคำขู่ของโจรนักแฮกเลย แม้นักแฮกจะเปิดฉากข่มขู่ไซแมนเทคมาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยการเปิดเผยเอกสารความยาวกว่า 2,700 คำที่อธิบายหลักการทำงานของโปรแกรม Norton Antivirus

เหตุผลคือเพราะเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารเผยแพร่ทั่วไปที่มีอายุมากกว่า 12 ปี ไม่เพียงเก่าแต่ยังไม่มีความลับด้านความปลอดภัยใดๆ ทำให้บริษัทไม่สนใจต่อการเรียกค่าไถ่ซึ่งโจรแฮกเรียกร้องไปถึง 500,000 เหรียญสหรัฐ

ประชาสัมพันธ์ไซแมนเทคชี้แจงว่าบริษัทไม่เคยส่งอีเมลต่อรองค่าไถ่แก่โจรนักแฮก แต่อีเมลที่โจรนักแฮกนำเผยแพร่เพื่อให้โลกเข้าใจว่าได้ต่อรองกับพนักงานของไซแมนเทคเรื่องค่าไถ่นั้น เป็นอีเมลที่ส่งโดยเจ้าพนักงานสหรัฐฯ ซึ่งโต้ตอบหลอกล่อเพื่อสืบหาเบาะแสขบวนการแฮกครั้งนี้ ไม่ใช่อีเมลต่อรองในนามของไซแมนเทคแต่อย่างใด

อีกส่วนที่ผู้บริโภคควรวางใจ คือขบวนการ Anonymous ไม่ได้ประสบความสำเร็จในการแฮกระบบของไซแมนเทค เพราะ Anonymous ยอมรับว่าได้รับข้อมูลซอร์สโค้ดเหล่านี้มาจากการเจาะระบบเครือข่ายทหารของรัฐบาลอินเดีย จุดนี้ไซแมนเทคปฏิเสธไม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับแหล่งต้นตอที่ขบวนการ Anonymous อ้างไว้ โดยระบุเพียงว่าไซแมนเทคไม่เคยตกลงแบ่งปันซอร์สโค้ดกับหน่วยงานรัฐบาลอินเดียใดๆ

แต่ลึกๆแล้ว ผู้บริโภคทั่วโลกอดหวั่นใจไม่ได้ เพราะ Norton Antivirus เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ทำเงินให้ไซแมนเทคในธุรกิจซอฟต์แวร์สำหรับผู้บริโภคคอนซูเมอร์ (มูลค่าตลาด 2 พันล้านเหรียญ) โดยนอร์ตันเป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 150 ล้านคนทั่วโลก

ขณะเดียวกัน ขนาดสุดยอดบริษัทผู้อาสาตัวเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ของหลายบริษัททั่วโลกอย่างไซแมนเทค ยังจับพลัดจับพลูถูกนักเจาะระบบดัดหลังเรียกค่าไถ่จนสูญเสียความเชื่อมั่นเช่นนี้ ย่อมแปลว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกออนไลน์แม้จะมีการรักษาความปลอดภัยเพียงใด

แต่ในเบื้องต้น ไซแมนเทคได้เปิดอัปเดทฟรีสำหรับผู้ใช้โปรแกรม pcAnywhere เพื่อให้ทุกคนเปลี่ยนไปใช้โปรแกรมเวอร์ชันปัจจุบัน พร้อมกับท่องคาถาเดิมว่า ขอให้ผู้บริโภคใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัยเวอร์ชันใหม่อยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าคอมพิวเตอร์ได้รับการคุ้มครองที่รัดกุมตลอดเวลา

ผลกระทบเดียวของผู้บริโภคในเรื่องนี้ จึงดูเหมือนว่าเป็นการตอกย้ำความจริงเรื่องความจำเป็นในการอัปเกรดเวอร์ชันโปรแกรมแอนตี้ไวรัส ซึ่งไม่ใช่แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้บริโภคอย่างเราทุกคนก็ไม่ควรมองข้าม

Company Related Link :
Symantec

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กุมภาพันธ์ 2555 14:56 น.

3 ปีผ่านไป Chrome ได้ฤกษ์ลุย Android

กูเกิล (Google) ได้ฤกษ์เปิดตัวโปรแกรมเบราว์เซอร์ของตัวเองบนระบบปฏิบัติการของตัวเอง แจ้งเกิด Chrome for Android เพื่อให้ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้เริ่มทดลองใช้งาน ถือเป็นการรวม 2 โปรเจกต์ด้านโปรแกรมที่สำคัญที่สุดของกูเกิลเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าจับตา ด้านผู้บริหารยอมรับ ที่รอเวลาให้แอนดรอยด์มีอายุครบ 3 ปีจึงคลอด Chrome for Android เพราะต้องการพัฒนาจนแน่ใจว่าผู้ใช้จะได้รับสุดยอดประสบการณ์ท่องเว็บทันใจไม่แพ้การใช้งานบนคอมพ์ตั้งโต๊ะ

ซันดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) รองประธานอาวุโสฝ่ายโครมและแอปฯ แถลงถึงเหตุผลในการพัฒนา Chrome for Android ว่าเป็นเพราะการขยายตัวของการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์พกพา เชื่อว่า Chrome for Android จะยิ่งเพิ่มกิจกรรมออนไลน์ให้กับผู้ใช้แอนดรอยด์มากขึ้นเพราะความสามารถที่เท่าเทียมกับการท่องเน็ตด้วยคอมพิวเตอร์ตัวจริง

"เราต้องการนำความสามารถของเว็บเบราว์เซอร์สำหรับคอมพ์ตั้งโต๊ะแบบครบถ้วนจริงๆ มายกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้อุปกรณ์พกพา" พิชัยระบุ "มันเป็นความท้าทาย"

เหตุที่ Chrome for Android ได้รับความสนใจอย่างมากนั้นเป็นเพราะเดิมทีแอนดรอยด์และโครมนั้นถูกมองว่าเป็นการสร้างมาคู่กัน ทั้งคู่เริ่มเปิดให้สาธารณชนเริ่มใช้งานในช่วงปี 2008 โดยสามารถเติบโตจากโครงการเล็กมาเป็นโครงการใหญ่ของกูเกิลได้เหมือนกัน บนจุดประสงค์เดียวกันคือต้องการใช้ชาวโลกใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้นและพบกับบริการของกูเกิลมากขึ้น

ทุกวันนี้ แอนดรอยด์และโครมกลายเป็นยานลำใหญ่ที่พาชาวออนไลน์ไปสู่บริการ Google search, YouTube, Google Docs, Google Maps, Google+ และอีกหลายบริการของกูเกิล แต่กว่า 3 ปีที่ผ่านมา ยานแอนดรอยด์และนาวาโครมยังไม่เคยโคจรมาพบกันได้บนอุปกรณ์เดียวกัน ซึ่งจุดนี้กูเกิลระบุว่าต้องการทำให้มั่นใจว่า Chrome for Android นั้นสามารถทำงานได้ดีจริงๆ

Chrome for Android จึงเกิดขึ้นในฐานะเบราว์เซอร์หรือโปรแกรมเปิดเว็บไซต์ที่ต่างจากเบราว์เซอร์ดั้งเดิมที่มาพร้อมกับอุปกรณ์แอนดรอยด์ทั่วไป ขณะนี้เริ่มเปิดให้ผู้ใช้แอนดรอยด์ดาวน์โหลดแล้วที่ Android Market ซึ่งผู้ใช้จะไม่จำเป็นต้องรอการอัปเกรดจากผู้ผลิตเครื่องอย่างเคย อย่างไรก็ตาม กูเกิลยังจำกัดให้ Chrome for Android สามารถใช้งานได้บนแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดคือ ICS (Ice Cream Sandwich) เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้แอนดรอยด์ที่มีสิทธิ์ทดสอบ Chrome for Android นั้นมีเพียง 1% ในขณะนี้

การทดสอบพบว่า Chrome for Android มีคุณสมบัติครบเครื่องไม่ต่างจากการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มาพร้อม V8 JavaScript เพื่อการเปลี่ยนหน้าเพจด้วยแท็บด้านบน การใช้งานสามารถเชื่อมต่อข้อมูลหรือ Synchronize กับโครมเวอร์ชันคอมพ์ตั้งโต๊ะ โดยผู้ใช้สามารถเปิดโปรแกรมเสริม Flash Player ของอโดบีหรือ Native Client ของกูเกิลเองได้ตามต้องการ

อย่างไรก็ตาม แม้ Chrome for Android จะจำกัดการทำงานเฉพาะแอนดรอยด์เวอร์ชันล่าสุด Android 4.0 หรือ Ice Cream Sandwich เท่านั้น แต่นักสังเกตการณ์เชื่อว่า Chrome for Android จะถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในอุปกรณ์ ICS ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงทดสอบ ไม่ต่างจากเบราว์เซอร์ซาฟารี (Safari) ที่ได้รับความนิยมมากบนอุปกรณ์ไอโอเอส (iOS) ของแอปเปิล

ทั้งหมดนี้ ผู้บริหารกูเกิลระบุว่าที่ต้องจำกัดให้ Chrome for Android สามารถรองรับเฉพาะ Android 4.0 เป็นเพราะความจำเป็นด้านฮาร์ดแวร์ ซึ่งอุปกรณ์ Android 4.0 นั้นมีประสิทธิภาพและคุณสมบัติที่เข้ากันได้กับระบบมากกว่าโทรศัพท์รุ่นเก่าแน่นอน

ความเคลื่อนไหวนี้ของกูเกิลยังแสดงถึงทิศทางการขยายตัวของตลาดโครม ซึ่งกลายเป็นเบราวเซอร์ที่สามารถแซงหน้าเว็บเบราว์เซอร์รุ่นพี่อย่าง ไฟร์ฟอกซ์ (Firefox) ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 จากส่วนแบ่งล่าสุดที่ 28.94% และ 24.69% ขณะที่ ไออี (Internet Explorer) ยังคงส่วนแบ่งสูงสุดที่ 37.12%

ที่ผ่านมา กูเกิลประกาศจุดยืนในการพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ของตัวเองว่าต้องการคิดใหม่ทำใหม่บนโลกเบราว์เซอร์ เช่นเดียวกับ Chrome for Android ซึ่งกูเกิลต้องการปฏิวัติวงการโมบายล์เบราว์เซอร์ โดยระดมสมองเพื่อสร้างสรรค์ทุกคุณสมบัติจนกลายเป็น Chrome for Android ในที่สุด

Company Related Link :
Android

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กุมภาพันธ์ 2555 11:09 น.