คดีความซึ่งแอปเปิลฟ้องร้องซัมซุงว่า
“ลอกเลียนแบบไอโฟน-ไอแพด”
นั้นทำให้ความลับเรื่องแผนการพัฒนาสินค้าของแอปเปิลถูกเปิดเผยหลายจุด
หนึ่งในนั้นคือแผนพัฒนารถยนต์อัจฉริยะและกล้องดิจิตอลรุ่นพิเศษหลังจากเห็นความสำเร็จของไอพอด
และในช่วงปี 2011
ที่ผ่านมาผู้บริหารระดับสูงรายหนึ่งของแอปเปิลเคยส่งอีเมลแนะนำแนวคิดการพัฒนาไอแพดขนาด
7 นิ้ว ซึ่งสะท้อนว่าไอแพด 7
นิ้วกำลังมีคิววางตลาดค่อนข้างแน่นอน
ข้อมูลความลับเรื่องแผนพัฒนาสินค้าแอปเปิลถูกเปิดเผยโดยผู้บริหารที่ถูกเรียกขึ้นมาให้การในศาลแคลิฟอร์เนียเมื่อวันศุกร์ที่
3 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดอย่างฟิล สคิลเลอร์ (Phil Schiller)
และหัวหน้าทีมพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างสกอตต์ ฟอร์สตอลล์ (Scott Forstall)
ถูกส่งมาให้การพร้อมกับจัสติน เดนิสัน (Justin Denison)
ประธานฝ่ายกลยุทธ์ซัมซุงภูมิภาคสหรัฐอเมริกา (Samsung Telecommunications
America)
ทั้ง 2
ฝ่ายพยายามปกป้องบริษัทตัวเองให้พ้นจากข้อกล่าวหาเรื่องลอกเลียนการออกแบบและคุณสมบัติซอฟต์แวร์ของคู่แข่ง
ผู้บริหารซึ่งเป็นตัวแทนของทั้ง 2
ค่ายจึงพร้อมใจแจกแจงข้อมูลว่าได้ลงทุนและลงแรงพัฒนาสินค้าของตัวเองไปอย่างยากเย็นและจริงจังเพียงใด
ซึ่งทำให้ข้อมูลลับที่ทั้งคู่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนถูกรายงานต่อสาธารณชนทั่วโลก
เช่นข้อมูลที่ระบุว่าแอปเปิลใช้เงินมากกว่า 1,100
ล้านเหรียญสหรัฐในการทำตลาดไอโฟนและไอแพดนับตั้งแต่การเปิดตัวไอโฟนรุ่นแรกปี 2007
ขณะที่ซัมซุงระบุว่าใช้งบประมาณกว่า 1,000
ล้านเหรียญต่อปีในการประชาสัมพันธ์แบรนด์ซัมซุง
สคิลเลอร์ให้การต่อศาลว่า
ความสำเร็จของไอพอดเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้แอปเปิลมองว่าตัวเองสามารถเป็นได้มากกว่าบริษัทคอมพิวเตอร์ธรรมดา
ดังนั้น
แผนโครงการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ในแบรนด์แอปเปิลจึงเกิดขึ้นจำนวนมากเพื่อรอการพิจารณา
โดยในแผนการทั้งหมดมีรถยนต์และกล้องดิจิตอลรวมอยู่ด้วย
ซึ่งแอปเปิลเคยจำหน่ายกล้องดิจิตอล 1 รุ่นในชื่อ QuickTake ในช่วงปี 90
ด้วย สคิลเลอร์ยังเปิดเผยข้อมูลด้านการตลาดอีกหลายประเด็น
ที่น่าสนใจคือ ในช่วงสัปดาห์แรกๆ หลังการเปิดตัวไอโฟน
งบการตลาดของแอปเปิลถูกใช้ไปน้อยมากเพราะสื่อมวลชนพร้อมใจตีข่าวเกี่ยวกับไอโฟนจนบริษัทไม่ต้องทำการตลาดใดๆ
เพิ่มเติม หลังจากนั้น
การประชาสัมพันธ์ไอโฟนจึงเกิดขึ้นภายใต้ทฤษฎีที่เรียกว่า
“product as hero”
ซึ่งยกให้ตัวผลิตภัณฑ์เป็นตัวเอกในการประชาสัมพันธ์ตัวเอง
ขณะที่แอปเปิลหันไปทุ่มกำลังสร้างความพิเศษให้ผู้บริโภครับรู้ถึงภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์
ด้านฟอร์สตอลล์ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการพัฒนาไอโฟนรุ่นแรกให้ข้อมูลว่า
แอปเปิลเริ่มต้นพัฒนาไอแพดในปี 2003
ในฐานะผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับผู้ต้องการใช้งานแล็ปท็อปราคาประหยัด
ซึ่งเป็นทางออกของการไม่ต้องการพัฒนาแล็ปท็อปราคาประหยัดของแอปเปิล ต่อมาในปี 2004
งานผลิตไอแพดจึงถูกย้ายแพลตฟอร์มไปทำงานบนระบบโทรศัพท์มือถือ
เพราะแอปเปิลเห็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมครั้งใหญ่
ฟอร์สตอลล์มีดีกรีเป็นลูกน้องสตีฟ
จ็อบส์ในสมัยทำกิจการเนกซ์คอมพิวเตอร์ (NeXT Computer) ในปี 1992
โดยฟอร์สตอลล์ระบุว่าได้รับมอบหมายจากจ็อบส์ให้สร้างหน้าตาโปรแกรม หรือ
user-interface สำหรับไอโฟนโดยไม่จ้างใครนอกองค์กรแอปเปิล
เพื่อเก็บข้อมูลของไอโฟนให้เป็นความลับสุดยอด
อีกหนึ่งข้อมูลเด่นคือเรื่องราวของไอแพดขนาด 7 นิ้ว โดยก่อนหน้านี้สตีฟ
จ็อบส์ ผู้ล่วงลับเคยประกาศไม่สนใจการผลิตแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วเพราะคิดว่าเล็กเกินไป
โดยมองว่าหน้าจอขนาด 9.7
นิ้วถือเป็นขนาดที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี
แต่ในระยะหลังกระแสข่าวลือแพร่สะพัดทั่วโลกออนไลน์ว่าแอปเปิลเตรียมวางขายไอแพดมินิ
(iPad mini) ไอแพดรุ่นใหม่ที่มีขนาดหน้าจอ 7-8 นิ้ว
กระแสข่าวนี้ทำให้ซัมซุงใช้เป็นจุดโจมตีว่าแอปเปิลได้แรงบันดาลใจมาจากซัมซุงเช่นกัน
ไม่ต่างจากข้อกล่าวหาที่แอปเปิลใช้ฟ้องซัมซุงว่าใช้ไอโฟนเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาสินค้าตระกูลกาแล็กซี
(Galaxy)
เควิน จอห์นสัน (Kevin Johnson) ทนายความซัมซุง
ตั้งคำถามฟอร์สตอลล์ถึงอีเมลจากผู้บริหารแอปเปิล “เอ็ดดี คู (Eddy Cue)”
ประธานฝ่ายธุรกิจไอจูนส์ซึ่งส่งถึงฟอร์สตอลล์ในวันที่ 24 ม.ค. 2011
โดยในเนื้อความมีการวิเคราะห์ว่าขนาดไอแพดนั้นไม่เหมาะสม แต่มีการชื่นชมขนาดหน้าจอ
7 นิ้วของ Samsung Galaxy Tab พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าแอปเปิลควรผลิตแท็บเล็ต
7 นิ้วเพราะมีตลาดใหญ่รองรับอยู่ จุดนี้ในอีเมลระบุว่าหลังจากรายงานต่อสตีฟ
จ็อบส์หลายครั้ง ตัวสตีฟ
จ็อบส์เองก็เริ่มเห็นด้วยในครั้งสุดท้ายที่มีการรายงานแนวคิดแท็บเล็ต 7
นิ้ว
สื่อต่างชาติรายงานความลับภายในแอปเปิลที่ถูกเปิดเผยระหว่างการพิจารณาคดีความระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งเรื่องการใช้ชื่อลับในการพัฒนาไอโฟนว่าโครงการสีม่วง หรือ Project Purple
โดยบรรยากาศภายในอาคารพัฒนาซึ่งถูกเรียกว่า
ตึกสีม่วง (Purple Building)
นั้นมีลักษณะเหมือนหอพักที่มีผู้คนตลอดเวลา
และผู้คนที่มีส่วนร่วมกับโครงการนี้จะมีกฎข้อแรกเหมือนภาพยนตร์เรื่อง
“Fight Club” ซึ่งระบุว่าทุกคนห้ามพูดถึงโครงการนี้
นอกเหนือจากความลับในการพัฒนาสินค้า
แอปเปิลยังแสดงพัฒนาการแท็บเล็ตของซัมซุงสมัยก่อนและหลังแอปเปิลแจ้งเกิดไอโฟน
ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดว่าลักษณะการออกแบบสินค้าซัมซุงนั้นถอดแบบมาจากสินค้าของแอปเปิล
ทั้งหมดนี้ทำให้แอปเปิลพยายามเรียกร้องค่าเสียหาย
2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐจากซัมซุง
พร้อมขอให้ศาลสั่งห้ามซัมซุงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในสหรัฐฯ และหลายพื้นที่ทั่วโลก
ขณะที่ซัมซุงก็ยังยืนยันว่าแอปเปิลต่างหากที่เป็นผู้ละเมิดสิทธิและนำแนวคิดจากซัมซุงไปใช้ในหลายจุด ท่ามกลางคดีระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงที่มีกำหนดการพิจารณาคดีต่อเนื่องตลอดเดือน
ส.ค.นี้
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าแอปเปิลกำลังเจรจาซื้อเว็บไซต์โซเชียลคอมเมิร์ซนามเดอะแฟนซี
(The Fancy) โดยสำนักข่าวบิสิเนสอินไซเดอร์ (Business Insider)
รายงานว่าแอปเปิลกำลังเจรจาเสนอซื้อกิจการอีคอมเมิร์ซแนวใหม่เพื่อสร้างตลาดของตัวเองให้รองรับบริการพาสบุ๊ก
(PassBook) คุณสมบัติใหม่ในระบบปฏิบัติการ iOS 6
ที่ผู้ใช้จะสามารถจัดการข้อมูลสำคัญเพื่อการซื้อสินค้าออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย
เดอะแฟนซีเป็นบริการที่ผู้ใช้งานสามารถโพสต์ภาพสินค้าและสามารถซื้อขายกันเองได้โดยสะดวก
สถิติล่าสุดพบว่ายอดซื้อขายผ่านเว็บไซต์ต่อวันสูงถึง 10,000 เหรียญสหรัฐ
โดยไม่น่าเชื่อว่าซีอีโอแอปเปิลชื่อดัง “ทิม คุค (Tim Cook)”
ได้ลงชื่อใช้งานเดอะแฟนซีด้วยตัวเอง
(การตรวจสอบพบว่าบัญชีของคุคได้รับการยืนยันตัวตน)
ทั้งหมดแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างซีอีโอแอปเปิลกับเว็บไซต์อนาคตไกลรายนี้
Compnay
Related Link : Apple
โดย
ASTVผู้จัดการออนไลน์ |
7 สิงหาคม 2555 10:36 น. |